วิเคราะห์การเมือง : อัปรีย์แผ่นดิน

       ล้มกระดาน !!!
      ล้มสถาบัน !!!


      มาถึงวันนี้แล้วต้องยอมรับกันโดยดุษฎีกับเป้าหมายของ “ทักษิณ” ในการ “ขับเคลื่อน” เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบ ล้มล้างกฎ-กติกาบ้านเมือง

      เป้าหมายที่ต้องการ “ล้มกระดาน” เพื่อช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ในคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน

      เป้าหมายที่ต้องการ “ล้มสถาบัน” เพื่อช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากทุกคดีอาญา ไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องติดตะราง

      การชุมนุมใหญ่วันที่ 14 มี.ค. ของ “เสื้อแดง” ภายใต้การชักใยของ “ทักษิณ” เป็นเพียง “หมากเกมหนึ่ง” บนหมากกระดานใหญ่ ที่มีเป้าหมายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแบบ “ล้มกระดาน”

      “ทักษิณ” คาดหวังการเปลี่ยนแปลง “อำนาจรัฐ” แบบ “พลิกฝ่ามือ

      การปลุกระดม “เสื้อแดง” ชุมนุมจึงเป็นกระบวนการ “ทางลัด” เพื่อกดดันให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ยุบสภา”

      “ยุบสภา” เพื่อให้เกิดการ “เลือกตั้งใหม่” ภายใต้เป้าหมาย เปิดทางไปสู่การยึดรัฐสภา ผ่าน ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ

“ยึดสภาฯ” เพื่อเป็นเครื่องมือในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และการออกกฎหมายอภัยโทษให้กับตัวเอง


เป้าหมายหลุดพ้นความผิดทุกคดีความ

      เป้าหมายเช่นว่านี้ การชุมนุมใหญ่จึงอาจเป็น “สงครามครั้งสุดท้าย” ที่ “ทักษิณ” ต้องการรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทุ่มขับเคลื่อนผ่านเครือข่าย

      เครือข่ายที่ประกอบไปด้วย กลุ่มคนเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตนักการเมืองใกล้ชิดทักษิณ และกลุ่มทหารเก่า

      การชุมนุมใหญ่ ที่เริ่มโหมโรงตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. ชุมนุม 5 จุดรอบกรุงเพื่อปลุกระดมหาแนวร่วม

      5 จุดที่ว่ามี สน.ทุ่งสองห้อง สี่แยกบางนา สวนลุมพินี สามเหลี่ยมดินแดง และวงเวียนใหญ่

      เป็นการโหมโรงให้ “เสื้อแดง” ทั่วประเทศเดินทางเข้าร่วมสมทบชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ ในวันที่ 14 มี.ค.

      ตั้งเป้า “เสื้อแดง” เข้ากรุงเทพฯ เรือนหมื่นเรือนแสน

      ใช้สะพานผ่านฟ้าลีลาเป็น “เวทีใหญ่”

      ยึดตลอดแนวถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินใน ตั้งแต่สนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้า ไปจนลานพระบรมรูปทรงม้า ร.5

      ถนนราชดำเนิน “แดงเถือก” ไปด้วย “คนเสื้อแดง”

      ตั้งเวทีไฮด์ปาร์กทั้งกลางวัน-กลางคืน

      

นับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย ต่อห้วงสถานการณ์ที่ล่อแหลม อาจนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดได้ง่าย

      นับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย ต่อสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงนำไปสู่การเกิดจลาจล วิปโยค

      อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายรัฐบาลก็ได้เตรียมความพร้อมรับมือ “เสื้อแดง” อย่างเป็นระบบ อย่างเป็นกระบวนการ

      เริ่มตั้งแต่การประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่ 11-23 มี.ค.ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวม 8 จังหวัด

      เปิดทางให้ “ทหาร” ออกมาช่วย “ตำรวจ” ตรึงพื้นที่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม อยุธยา ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา

      พร้อมระดมข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ กทม.ออกมาร่วมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย

      ใช้กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นกองบัญชาการของ “ศูนย์อำนายการรักษาความสงบเรียบร้อย” (ศอ.รส.) ควบคุมโดย นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

มีการระดมเจ้าหน้าที่ทหาร 30,000 คน ตำรวจ 10,000 คน และพลเรือน 10,000 คน รวม 50,000 คน

      
เน้นย้ำ ไม่ใช้อาวุธ มีเพียงอุปกรณ์ป้องกันตัวแค่ โล่ กระบอง ฯลฯ

      เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐอดทน อดกลั้นต่อการยั่วยุที่จะนำไปสู่ความรุนแรง

      มีการออกทีวี ออกวิทยุ ชี้แจงประชาชนถี่ยิบเพื่อสร้างความ
เข้าใจที่ตรงกัน

      “อำนาจรัฐ” เซตกำลัง ซักซ้อมความเข้าใจ พร้อมรับมืออย่างเต็มรูปแบบ

      อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลแห่งการชุมนุมใหญ่ของ “เสื้อแดง” จะเป็นไปตามเป้าหมายของ “ทักษิณ” หรือไม่ อย่างไร

      ไม่ว่าผลแห่งการกำกับดูแลของ “รัฐบาล” ให้การชุมนุมของ “เสื้อแดง” เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย หรือไม่ อย่างไร

      ทว่า ร่องรอยที่ทิ้งไว้สะท้อนต่อตัว “ทักษิณ” ไว้อย่างรอบด้าน

      “ทักษิณ” ที่เป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว เหนือผลประโยชน์ประเทศชาติ

      “ทักษิณ” ที่เป็นคนไม่ยอมรับกฎ-กติกาสากล ในคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน

“ทักษิณ” ที่มักมากกิเลส ตัณหา ทั้งทุจริตอำนาจ คอรัปชั่นเชิงนโยบาย แสวงผลประโยชน์ทับซ้อน โดยไม่ใส่ใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์      

“ทักษิณ” ที่เป็นคนไม่ใส่ใจต่อการหมิ่นเหม่หมิ่นบรมเดชานุภาพ ทั้งที่ศาลฎีกาฯ ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธย

“ทักษิณ” ที่เป็นคนเจ้าเล่ห์ หลอก “ชาวบ้าน” เข้าร่วมชุมนุม อ้างเพื่อประชาธิปไตย ทั้งที่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ตัวเองและครอบครัว

      “ทักษิณ” ที่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างสมบูรณ์แบบ โดยผลักให้ชาวบ้านมาเสี่ยงตาย ขณะที่ตัวเองและครอบครัวเผ่นหนีออกนอกประเทศ

      “ทักษิณ” ที่สร้างวิกฤติขัดแย้งสังคมชาติ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย

      “ทักษิณ” ที่ทำสังคมแตกแยกไปทุกหย่อมหญ้า ครอบครัวแตกแยก เพื่อนแตกแยก เพื่อนร่วมงานแตกแยก หมู่บ้านแตกแยก กลุ่ม-องค์กรแตกแยก ฯลฯ ปริร้าวไปทั่วทุกองคาพยพของสังคม

      โดยเฉพาะ “ร่องรอย” สำคัญที่สะท้อนชัด “ทักษิณ” มีเป้าหมายแฝงเร้นการล้มล้างสถาบัน

ล้มล้างสถาบัน ที่ปรากฏในรูปแบบ “ทักษิณ” แสดงพฤติกรรมหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในรูปแบบต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ ซีดี เว็บไซต์ วีดีโอลิงค์ โฟนอิน เฟซบุ๊ค การให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ที่มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ

“ทักษิณ” เป็น “อัปรีย์แผ่นดิน” แห่งยุคกรุงรัตนโกสินทร์

โต๊ะข่าวการเมือง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์