คมชัดลึก : ถึงแม้รุ่นน้องอย่าง "จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" จะแย่งซีนไปหลายครั้ง จนดูหมองไปบ้าง แต่พี่ใหญ่อย่าง "วีระ มุสิกพงศ์" ก็ยังได้การยอมรับนับถือให้มีบทบาทสำคัญ นำกลุ่มคนเสื้อแดงบนเวทีปราศรัย เที่ยงวันที่ 14 มีนาคม
เป็นผู้นำประกาศให้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี ยุบสภา และเริ่มนับหนึ่งจากวินาทีนั้น เป็นเส้นตายจนถึงเที่ยงวันของวันที่ 15 มีนาคม
ถ้าไม่ได้ดังใจต้องการ คนเสื้อแดงก็จะยกระดับการกดดันขั้นสูงสุด โดยการดาวกระจายยึดกรุงเทพฯ หลายคนอาจไม่รู้ว่า นอกจาก "นายหัววีระ" จะเคยติดคุกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว เขายังเคยร่วมก่อการกบฏโค่นล้มรัฐบาลด้วย
การปฏิวัติโค่นล้ม "รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2520 หากสำเร็จ นาทีนี้ "วีระ มุสิกพงศ์" ก็คงไม่ชูธงต้านเผด็จการ เสมือนด่าประจานตัวเองแน่นอน
"หากผมมีโอกาสกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาอีกครั้ง ผมยืนยันว่าจะออกกฎหมายเพื่อเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่ทำการล้มล้างรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน..."
ถ้อยคำที่เขาเคยกล่าวบนเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ของคนที่ใช้วิธีการเผด็จการแต่ไม่สำเร็จนั้น สะท้อนความเป็นเผด็จการตัวจริง เสียงจริง
การปฏิวัติ หากสำเร็จอาจเรียกว่า คมช. แต่การปฏิวัติไม่สำเร็จ เรียกว่ากบฏ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผู้กระทำการล้วนมีจิตวิญญาณของความเป็นเผด็จการ ที่ชมชอบในการใช้กำลังตัดสินทั้งสิ้น
คนจริงจัง คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแน่วแน่มั่นคง ย่อมแสดงตัวอย่างได้ชัดเจนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
แต่เวลาที่ผ่านไปกว่า 30 ปี "นายหัววีระ" ก้าวกระโดดจากความเป็นนักการเมืองฝักใฝ่เผด็จการ มาเป็นประชาธิปไตยแบบอ่อนๆ เมื่อตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2524 ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.พัทลุง และสุดท้ายภายใต้อ้อมกอดของเผด็จการในคราบประชาธิปไตย
30 ปีก่อน "วีระ มุสิกพงศ์" คือผู้ร่วมก่อการปฏิวัติ โดยมี พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ เป็นหัวคณะปฏิวัติ
ความพยายามที่จะปฏิวัติยึดอำนาจรัฐครั้งนั้น ทำให้ "วีระ มุสิกพงศ์" รู้จัก "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" นายทหารคนสนิทของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" และได้ชักนำเข้าสู่วงการในฐานะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
หลังการปฏิวัติ ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การปฏิวัติของประเทศไทย มีการใช้ปีนใหญ่ยิงเสาอากาศส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง กองพลที่ 1 สังหาร "พล.อ.อรุณ ทวาทสิน" ในที่สุด "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" ก็ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตในฐานะกบฏ "วีระ มุสิกพงศ์" ได้ลิ้มรสชาติของการนอนคุกครั้งแรกในชีวิต
จะด่าอำมาตย์ ประณามเผด็จการ และเชิดชูเผด็จการในคราบประชาธิปไตยไป เพื่อประโยชน์อันใดเล่า ในเมื่อผู้นำในการต่อต้านและขับไล่ในสิ่งที่เรียกว่า "เผด็จการ" มีจิตสำนึกของความเป็นเผด็จการอยู่เต็มหัวใจ
จักร์กฤษณ์ เพิ่มพูล
นายหัวหัวขาดเที่ยงนี้ !
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!