แง้มดูไม้เด็ดเสื้อแดง-รัฐบาล

คมชัดลึก : สถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อผ่านค่ำคืนวันที่ 14 มีนาคม ก็ต้องเรียกว่า ถึงจุดสูงสุดแล้วสำหรับจำนวนคน

แกนนำเสื้อแดงประเมินว่า 1.5 แสนคน แต่กองบัญชาการตำรวจนครบาลประเมินเมื่อดึกคืนวันที่ 13 มีนาคม ว่ามีเพียงแค่ 5 หมื่นคน และเมื่อกำลังมาสมทบในวันที่ 14 มีนาคม ก็น่าเชื่อว่า เสื้อแดงทั้งหมดไม่น่าจะเกิน 7 หมื่นคน

 หลุดจากเป้าที่เสื้อแดงวางเอาไว้ที่ 1 ล้านคนอีกไกลโข

 เกมการต่อสู้ระหว่างเสื้อแดงกับรัฐบาลก่อนเที่ยงวันที่ 14 มีนาคม จึงเป็นเกมชิงไหวชิงพริบ หมากคูที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจริงหรือลวง พร้อมปรับเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ

 แต่คนเสื้อแดงดูจะเสียเปรียบมากกว่าจะได้เปรียบ แม้ว่าครั้งนี้การระดมคนดูจะมากกว่าทุกครั้ง แต่เมื่อดูจำนวนคนและมาตรการของฝ่ายรัฐบาลแล้ว กำลังคนเสื้อแดงเพียงเท่านี้ เกมที่เตรียมจะเล่นในฉากต่อไป คงจะมีไม่มากนัก

 ยิ่งหากจำกัดอยู่ที่ว่า สงบ สันติ ชิงชังความรุนแรง ก็ยิ่งตีกรอบการเคลื่อนไหวให้น้อยลงไปอีก

 แม้กระทั่งการเคลื่อนม็อบไปยังแหล่งต่างๆ ก็ดูจะเสี่ยงกับการปะทะกับคนเมืองหลวง ที่ดูจะเพิ่มจำนวนคนที่เหนื่อย เซ็ง และรังเกียจการชุมนุมมากขึ้นทุกวัน

 ปัญหาก็มีเพียงว่า หลังครบ 24 ชั่วโมงที่กำหนดเส้นตายให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเที่ยงวันที่ 15 มีนาคมแล้ว ยังจะมีเกมใดให้เสื้อแดงเล่นได้อีก

 อย่าลืมว่า เสื้อแดงส่วนหนึ่งเดินทางมาล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม และส่วนใหญ่ก็มาถึง กทม.ในวันที่ 13 มีนาคม

 วันที่ 14 มีนาคม หลายคนก็คาดว่าจะมีไม้เด็ดไปกดดันให้รัฐบาลเดินตามต้อยๆ แต่เอาเข้าจริง ก็เปล่าเลย

 เพียงแค่ทหารโยนหินถามทางมาว่า จะชงเรื่องให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ทำเอาแผนที่วางเอาไว้ว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลในคืนวันที่ 14 มีนาคม ต้องเลื่อนออกไป เป็นหลังเที่ยงวันที่ 15 มีนาคม

 แม่ยกที่เดินทางมาตั้งแต่วันแรกจะมีกำลังอึดสู้แดดเมืองหลวงได้อีกแค่ไหน

 อยู่บ้านต่างจังหวัด ถึงจะหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน แต่ที่เหยียบย่ำอยู่นั่นมันท้องนาที่ความเย็นจากน้ำผสมโคลนให้ได้ผ่อนคลายบ้าง

 แต่กลางถนนราชดำเนินนี่ แค่ปลดทุกข์ตอนเช้า ก็ต้องถ่อไปอาศัยวัด ที่คนต่างจังหวัดเขาไม่นิยม เพราะตามคติเขามีแต่จะเอาสิ่งดีๆ เข้าวัด ช่วยกันอุปถัมภ์ค้ำชูพุทธศาสนา

 2,000 บาทที่เตรียมมา พอมันเลย 3 วัน มูลค่ามันก็คงจะลดน้อยถอยลง

 แต่ทัศนะจากแกนนำกลุ่มเสื้อแดงระดับนำปิกอัพ 30-50 คัน กลับมองว่า หากพ้นเส้นตาย 24 ชั่วโมงแล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ยุบสภา เกมก็จะเปลี่ยน

 ทัพหลวงที่สะพานผ่านฟ้าฯ จะแยกเป็นทัพย่องดาวกระจายไปตามจุดสำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ เบื้องต้นคาดว่า จะมีประมาณ 6 จุด

 จุดที่ต้องไปแน่ๆ คือ  ราบ 11 และทำเนียบรัฐบาล

 เป้าหมายของ "ดาวกระจาย" ก็คือทำให้กรุงเทพฯ เป็นอัมพาตอย่างที่เคยขู่ไว้

 แม้คนเสื้อแดงต่างก็รู้ดีว่า ยุทธวิธีดาวกระจายนั้น คงไม่สามารถกดดันให้รัฐบาลยุบสภา หรือทำตามที่ต้องการได้

 แล้วมันจะไปมีทางเลือกอย่างอื่นใดอีก เพราะถ้าไม่เลือกวิธีนี้ ก็ต้องเลือกความรุนแรง ความวุ่นวาย...ซึ่งคงไม่ใช่

 แต่ก็ใช่ว่า ความรุนแรงและความวุ่นวายจะไม่เกิด เนื่องเพราะกลุ่มคนที่มานั้น ไม่ได้ฟังคำสั่งจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต่างก็ฟังหัวหน้ากลุ่มย่อย ที่แยกย่อยกลุ่มใครกลุ่มมัน ไม่ขึ้นตรงต่อกัน

 ซึ่งตรงนี้นี่เองที่ฝ่ายความมั่นคง ประเมินไว้ตั้งแต่แรก ว่า "จำนวนคน" จะเป็นตัวบีบ หรือตัวเร่งปฏิกิริยาของม็อบเสื้อแดง

 ทำให้การประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ที่มีนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมในวันที่ 14 มีนาคม ดูจะเคร่งเดรียดไม่น้อย แม้ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. จะดูมั่นอกมั่นใจว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะเอาอยู่ก็ตาม

 ถึงจะดูขัดๆ กับคำสั่งเพิ่มกำลังทหารอีก 20 กองร้อย โดยดึงจากกองทัพภาคที่ 2 และ 3 ให้เข้าไปรักษาการณ์ใน ราบ 11 ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ตามที

 และยังสั่งเตรียมกำลังสำรองเคลื่อนที่เร็วเพื่อสนับสนุนหากเกิดกรณีฉุกเฉินอีกต่างหาก

 สิ่งที่ ศอ.รส.เป็นห่วงคือ การก่อเหตุรุนแรง จนถึงขั้นก่อวินาศกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงหัวรุนแรง หรือมือที่สามที่จ้องจะก่อเหตุ จึงสั่งการให้จับตากลุ่มแดงเดือด 4 กลุ่มเป็นพิเศษ

 กลุ่มชักธงรบ อุบลราชธานี, กลุ่มรักเชียงใหม่ 51, กลุ่มพิษณุโลก 49 และ นปช.ระนอง...ทั้งหมดนี้คือกลุ่มที่ได้รับเกียรติจาก ศอ.รส.

 เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ใช้วิถีทางการทูตเจรจาผ่านหมอเหวง โตจิราการ เพื่อประสานกับกลุ่มที่ว่านั้นแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี

 ตรงนี้นี่เองที่ ศอ.รส.เตรียมเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่ประเมินแล้วว่า มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ

 แต่เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดง "คลายล็อก" จากเส้นตาย เที่ยงวันที่ 14 มีนาคม หลังประกาศเงื่อนไขไปเป็นเวลา 12.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ข้อเสนอใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงถูกเก็บเข้าลิ้นชักไว้ก่อน

 สภาพของเสื้อแดงกับรัฐบาลในวันนี้ ด้วยข้อจำกัดที่มีอยู่ของแต่ละฝ่าย แต่แน่นอนว่า การเริ่มใช้ "เครื่องมือ" หรือ "แผน" ที่เตรียมไว้ก่อนเมื่อใด ผลแพ้ชนะจะเกิดขึ้นเมื่อนั้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์