ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพพ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา ที่วัดคลองเปล
ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.
ท่ามกลางบรรยากาศความอาลัยและสูญเสีย
พระราชทานพวงมาลา ปูนสมเพียรเป็นพล.ต.อ. มาร์ค-ปทีปรุดงานศพ
ในหลวง-ราชินี พระราชทานพวงมาลาให้"พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา" ขณะที่"อภิสิทธิ์- ปทีป"บินไปร่วมงานศพ เลื่อนชั้นยศให้เป็นพล.ต.อ. นายกฯแจงก.ตร เมื่อ 5 มี.ค. ได้ประชุมหารือแก้ปัญหาแต่งตั้งโยกย้ายที่ผกก.บันนังสตาร้องเรียนแล้ว แต่ไม่ ทันการณ์ เมียจวกแหลกระบบเส้นสายวิ่งเต้นแย่งเก้าอี้ เป็นตร.บ้านนอก นายไม่ดูแล โฆษกตร.แถลงร่ายยาว รับการบริหารงานของสตช. ผิดพลาด รรท.ผบ.ตร.ก็เสียใจกับเหตุการณ์อย่างมาก แฉเส้นทางขอย้ายกลับมาเกษียณที่ตรัง แล้วถูกใครต่อใครสอยเก้าอี้ไปจนหมด ไม่ว่าจะตำแหน่งผกก.กันตัง ผกก.เมืองตรัง จนต้องอยู่ที่เดิม ย้อนอดีตวันเข้ากรุงมาร้องเรียนที่สตช. โดนบิ๊กๆโยนไปมาไม่รับเรื่อง เจ้าตัวบอกกับนักข่าวต้องขอย้ายตัวเอง เพราะมีค่าหัวจากฝ่ายโจรใต้เป็นแพะ 50 ตัว
เลื่อนยศ"สมเพียร"เป็นพล.ต.อ.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฐ์ ผบช.จชต. และคณะนายตำรวจ เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของร.ต.ท.กิตติศักดิ์ โลมา รอง สวป.สภ. บันนังสตา ด.ต.โสภณ อินทรบวร และส.ต.ท. ระวิกรณ์ สังข์ศิริ สังกัด สภ.บันนังสตา ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่หมู่ 2 บ.ทับช้าง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.บันนังสตา เสียชีวิต
โอกาสนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ได้นำเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งกระเช้าเยี่ยม มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย พร้อมทั้งสอบถามอาการจากแพทย์ที่ดูแลอาการ ทราบว่าด.ต.โสภณและส.ต.ท.ระวิกรณ์ยังคงต้องเฝ้าอาการอยู่ในห้องไอซียูอย่างใกล้ชิด ส่วนร.ต.ท.กิตติศักดิ์อาการปลอดภัยแล้ว
พล.ต.อ.อดุลย์เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียรในครั้งนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการขอพระราชทานยศพลตำรวจเอกให้ พร้อมทั้งดูแลด้านสวัสดิการ เงินช่วยเหลือจำนวน 3 ล้านบาท รวมทั้งการดูแลครอบครัวและทายาท ซึ่งเป็นสิทธิที่จะดำเนินการให้ ส่วนกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวที่ส่งผลกระทบกับกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พยายามทำความเข้าใจกับกำลังพลทั้งหลายให้นึกถึงประเทศชาติ ที่จะต้องทำเพื่อประเทศชาติให้มาก
อดุลย์สดุดีวีรกรรมผกก.นักสู้
"สำหรับท่านผู้กำกับสมเพียรที่เสียชีวิตไป ในเรื่องของข้อร้องเรียนที่ผ่านมาไม่ได้รับการดูแล ท่านก็ยังกลับมาทำงานทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ จนเสียชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติภูมิของท่าน ก็อยากจะให้ตำรวจในพื้นที่ยืนหยัดในการทำหน้าที่ต่อไป ท่านผู้กำกับสมเพียรเป็นผู้ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และได้การยอมรับจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา รวมทั้งประชาชน ส่วนเรื่องการตอบแทนการทำงานที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำไปแก้ไขต่อไป ทางผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ก็พยายามดำเนินการให้แล้วในช่วงที่ผ่านมา แต่บางอย่างก็ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ซึ่งก็ต้องให้กำลังใจกับตำรวจในพื้นที่ต่อไป ขอให้ต่อสู้ต่อไป ท่านสมเพียรถือเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะถึงแม้ไม่ได้รับการดูแลท่านก็ยังยืนหยัดต่อสู้ในการทำงานเพราะเป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแลประเทศชาติ" พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว และว่า หลังจากพ.ต.อ.สมเพียรเสียชีวิตไปก็มีรอง ผกก.ท่านหนึ่งที่สมัครใจลงพื้นที่ทำหน้าที่แทน ซึ่งทำให้เห็นว่าตำรวจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความตระหนักในการดูแลพื้นที่ประเทศชาติ เป็นเรื่องที่น่ายินดี
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ศาลาการเปรียญ วัดเมืองยะลา เขตเทศบาลนครยะลา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นายภานุ อุทัยรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฤษฏา บุญราช ผวจ.ยะลา ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ครู ประชาชน ในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวนหลายพันคน เข้าร่วมพิธีรดน้ำศพพ.ต.อ.สมเพียร บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
เมียร่ำไห้-ครวญผิดหวังสตช.มาก
เวลา 13.05 น. พล.ต.อ.อดุลย์เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ซึ่งถือเป็นพิธีที่มีความสำคัญสูงสุด หลังจากนั้นได้ส่งศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดคลองเปล ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
สำหรับประวัติของพ.ต.อ.สมเพียร เอก สมญา เกิดเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2493 อายุ 59 ปี สมรสกับนางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ มีบุตร จำนวน 4 คน คือ นายชุมพล เอกสมญา นายเสรฐวุฒิ เอกสมญา นายอรรถพร เอกสมญา และส.ต.ท.โรจนินทร์ ภูวพงศ์พิทักษ์
นางพิมพ์ชนา ภรรยากล่าวภายหลังพิธีรดน้ำศพทั้งน้ำตาว่า ภูมิใจที่ผู้กำกับสมเพียรได้ทำหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่เสียใจตรงที่ไม่ได้ย้ายไป ถ้าได้ย้ายก็คงไม่เกิดเหตุ การณ์อย่างนี้ ตนเองรู้สึกผิดหวังกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก เพราะว่าสามีเป็นคนทำงาน คนแข็งแกร่ง ไม่เคยขออะไรเลย ซึ่งการเดินทางไปร้องเรียนเรื่องการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการโยกย้ายก็ล้าเต็มที่แล้ว จึงได้บากหน้าไปขอความอนุเคราะห์ ขอความเห็นใจที่จะขอย้าย จริงๆ แล้วผู้กำกับสมเพียรมีอายุ 59 ปี 4 เดือน เดือนพ.ย.นี้ก็จะครบ 60 ปี ก็เป็นคนแก่คนหนึ่ง ที่มีความต้องการที่จะอยู่กับครอบครัว ลูกหลาน ในบั้นปลายของชีวิตเท่านั้น
มาร์คโบ้ยก.ตร.ถกเยียวยาไปแล้ว
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าว ศอ.รส. กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียชีวิตของพ.ต.อ.สมเพียร ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้เข้าร้องเรียนต่อนายกฯ เกี่ยวกับปัญหาการโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ไม่เป็นธรรมว่า กรณีพ.ต.อ.สมเพียรนั้นคณะกรรมการนโยบายตำรวจ (ก.ตร.) ได้ประชุมไปแล้วเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรับในหลักการเรื่องเยียวยา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่ก็เกิดเหตุเสียก่อน
เมื่อถามว่า ผกก.เสียชีวิตไปแล้วทั้งๆ ที่ยื่นหนังสือร้องเรียนขอย้ายไป อ.กันตัง จ.ตรัง แล้วไม่ได้รับการตอบสนอง จะช่วยเหลืออย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่าก.ตร. ประชุมไปวันที่ 5 มี.ค. การพิจารณาเรื่องนี้แสดงว่าเราไม่ได้เพิกเฉย เวลาที่มีการร้องเรียนเรื่องความเป็นธรรมเราพยายามให้กำลังใจกับข้าราชการที่ดีทุกคนและเจ้าหน้าที่ทุกนาย ตนเชื่อว่าไม่มีใครต้องการให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ตนเรียนแล้วว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะเราอยู่ในขั้นตอนที่ดำเนินการให้พ.ต.อ.สมเพียรอยู่ ส่วนการช่วยเหลือการเสียชีวิตนั้นอยู่ในหลักเกณฑ์และมีการเยียวยา รวมทั้งผู้ที่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าเหตุที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากนักการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าก.ตร.สอบสวนหรือไม่ เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้นักการเมืองเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราพยายามกันอยู่ ตอนนี้มีปัญหาร้องเรียนเข้ามาก็มีการดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการต่อเนื่อง
ตงฉิน"วสิษฐ"อัดสตช.บกพร่อง
ทางด้านพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ในฐานะประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียนการโยกย้ายนายตำรวจ ให้สัมภาษณ์ถึงการเสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของพ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ว่า อย่างน้อยที่สุดแสดงให้เห็นถึงความบกพร่องงานด้านบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สตช.ไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ล่อแหลมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจที่ต้องเผชิญเหตุมานาน ซึ่งต้องหาคนอื่นไปแทน มันเป็นหลักธรรมดา ทำไมปล่อยให้พ.ต.อ.สมเพียรอยู่ในพื้นที่ตั้งนาน เมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรมควรพิจารณาเป็นกรณีเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นความเหลวไหล ไม่น่าจะเกิดขึ้น และถือเป็นเรื่องที่ต้องตำหนิในความไม่เป็นธรรมตรงนี้
เมื่อถามว่าการเสียชีวิตของพ.ต.อ.สมเพียร กับการร้องเรียนถึงความเป็นธรรมในการโยกย้ายตำแหน่งสะท้อนได้เป็นอย่างดีหรือไม่กับการที่นักการเมืองเข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการ พล.ต.อ.วสิษฐกล่าวว่า แม้จะมีการแทรกแซงการโยกย้ายจริง แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ไม่ว่าตำรวจหรือทหารก็พร้อมที่จะทำงาน และนักการเมืองไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง คนที่เป็นข้าราชการก็ต้องเกรงใจทั้งนั้น เพราะนักการเมืองมีบารมีให้คุณให้โทษกับข้าราชการ
ตายแต่ได้ยศ-เป็นผมก็ไม่เอา
"การเสียชีวิตของพ.ต.อ.สมเพียร ย่อมทำให้เสียขวัญกำลังใจ การตอบแทนกับเจ้าหน้าที่เสียชีวิตระหว่างในการปฏิบัติหน้าที่ 8 ขั้นถือว่าไม่ใช่น้อย แต่ถามว่าแล้วครอบครัวเขา พ่อ หรือสามีเขาต้องเสียชีวิต เพื่อแลกกับยศตำแหน่ง แม้แต่เป็นผมก็ไม่เอา ที่ถูกก่อนที่เขาตายเราทำอะไรให้เขาได้หรือเปล่า การอยู่ในพื้นที่สนามรบนานๆ ไม่ว่าทหารหรือตำรวจแน่นอนย่อมตกเป็นเป้าหมาย งานบุคลากร สตช.ถือว่ามีความบกพร่อง งานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ อยากขอร้องรัฐบาล ซึ่งไม่ได้หมายถึงนายกฯ คนเดียว เพราะยังมีรองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านตำรวจ ไปดูเรื่องของการบริหารงานด้านบุคลากร" พล.ต.อ. วสิษฐกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้ไปการตรวจสอบการร้องเรียนโยกย้ายนายตำรวจต้องดำเนินการให้เร็วขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.วสิษฐกล่าวว่า มันเร่งไม่ไหวแล้ว คำร้องเรียนมีเป็นจำนวนมาก แต่ที่ตรวจสอบไปแล้วก็ได้มีคำสั่งไปแล้ว คณะกรรมการเพียงฝ่ายเดียวทำงานไม่ได้ อยู่ที่นายกฯและรองนายกฯ ในการเข้าไปบูรณาการงานด้านบุคคล คงไม่ใช่ตนอย่างเดียว
พงศพัศนำทีมชี้แจง-ปัญหาย้าย
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกตร. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง ผบช.สทส. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.อก. บช.น. ในฐานะรองโฆษก ตร. พล.ต.ต.โชติกร สีมันตร ผบก.กพ. พล.ต.ต.วรวิทย์ ลิปิพันธ์ ผบก.สก.แถลงข่าวถึงกรณีการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ของพ.ต.อ.สมเพียร หลังจากเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายอภิสิทธิ์ และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. จากกรณีขอย้ายจาก สภ.บันนังสตา ไปยัง สภ. กันตัง จ.ตรัง เพื่อขอพักจากการทำหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2554 แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณา
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่าในนามรัฐบาลขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพ.ต.อ.สมเพียร และสั่ง การให้ ตร.ดูแลเรื่องต่างๆ ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะภรรยาและบุตรอีก 4 คน ที่อยู่เบื้องหลัง ม ีส.ต.ท.โรจนิล หรือวัฒนพงษ์ เอกสมญา สังกัดตำรวจตระเวนชายแดน จ.ยะลา สำหรับอีก 3 คน คนหนึ่งจะรับเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจสืบต่อจากบิดาต่อไป ซึ่งประเด็นหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีห่วง คือกรณีที่ พ.ต.อ.สมเพียรมาร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งโยกย้ายหลังจากพ.ต.อ.สมเพียรรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ตร.เยียวยาให้เร็วที่สุด
ชู"สมเพียร"วีรบุรุษในหัวใจ
"เรื่องนี้ รรท.ผบ.ตร.และข้าราชการตำรวจทุกคนในตร. แน่นอนว่าต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง สำหรับพี่สมเพียรและครอบครัว ที่ต้องสูญเสียข้าราชการตำรวจดีเด่นอีกคนหนึ่งไป ในระยะเวลาที่เราไม่คาดคิด ซึ่งเป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของตร. สำหรับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เสียสละ อุทิศตนอย่างเต็มที่ แล้วต้องมาเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างแท้จริง ก็ถือว่าเป็นวีรบุรุษที่เราจะจดจำไว้ในหัวใจ สำหรับข้าราชการตำรวจสองแสนสี่หมื่นกว่าคนทั่วประเทศ สำหรับวันนี้จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โดย รรท.ผบ.ตร.มอบให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) ไปเป็นประธาน จากนั้นในช่วงบ่ายจะเคลื่อนศพมาที่วัดคลองเปล ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยผมจะเดินทางไปบ่ายนี้ คืนนี้นายกรัฐมนตรี และรรท.ผบ.ตร.จะร่วมเป็นเจ้าภาพ สวดอภิธรรมศพในเวลา 19.00 น. อยากเรียนว่าเรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ว่าเมื่อเกิดแล้วก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่อยู่ข้างหลังต้องคอยดูแลทุกสิ่งตามกระบวน เหมือนเช่นที่เคยดำเนินการโดยจะทำให้ดีที่สุด ก็ไม่ต้องห่วง สำหรับความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่สะท้อนออกมาจำนวนมากที่เห็นอกเห็นใจ และอยากให้ ตร.ดูแลให้ดีที่สุดและนำเรื่องต่างๆ มาเป็นบทเรียน" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า ตร.อยากชี้แจงเรื่องที่สังคมค้างคาใจ เรื่องที่พ.ต.อ.สมเพียรร้องเรียนนั้นได้ดำเนินการแล้ว อยากชี้แจงถึงเหตุที่ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียรต้องบากหน้ามาร้องเรียนกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ทั้งนี้ เมื่อเรื่องมาถึง ตร.เราก็ได้มีการพูดคุยกันตามที่ตนเคยแถลงไปเมื่อการประชุมก.ตร.ในวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้น ก.ตร.พูดเรื่องพ.ต.อ.สมเพียรกันเยอะ รวมทั้งเรื่องของตำรวจคนอื่นอีก 91 นายด้วย ซึ่งกรณีพ.ต.อ.สมเพียร ก.ตร.มีมติให้ รรท. ผบ.ตร.กลับไปดำเนินการเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าทำงานทุ่มเททำงานในพื้นที่ต่อเนื่องยาวนาน และอีกปีกว่าก็จะเกษียณอายุราชการ เจ้าตัวก็เพียงแต่ปรารถนาจะกลับไปอยู่กับครอบครัวในบั้นปลายชีวิตอย่างมีความสุข หลังจากตรากตรำทำงานมากว่า 40 ปี ซึ่ง รรท.ผบ.ตร.สั่งการสำนักงานกำลังพลไปพิจารณาดำเนินการ โดยมอบหมายให้พิจารณา พ.ต.อ.สมเพียรขึ้นเป็นรอง ผบก.ภ.จว.ตรัง โดยจะเปิดตำแหน่งให้ใหม่ ซึ่งกระบวนการในการดำเนินการจะเข้าสู่การพิจารณาของก.ตร.ในครั้งต่อไป มตินี้เกิดขึ้นในก.ตร.วันที่ 5 มี.ค. แต่ยังไม่ทันประชุมก.ตร.ครั้งต่อไป พ.ต.อ.สมเพียรก็เสียชีวิตเสียก่อน
รับโดนสังคมตำหนิอย่างหนัก
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวต่อว่า ได้พูดคุยกับนางพิมพ์ชนา หรือณิภาสินี เอกสมญา ภรรยาของพ.ต.อ.สมเพียร เมื่อเช้านี้ โดยนายพิมพ์ชนายังติดใจ เรื่องที่สามีอยากขอย้ายใช้ชีวิตบั้น ปลายข้าราชการอย่างสงบสุข ซึ่งได้อธิบายท่านก็เข้าใจดี ฝากขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่ได้กรุณาสามี และช่วยในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่สังคมว่า พ.ต.อ.สมเพียรได้ทำงานเสียสละอุทิศตนในพื้นที่อย่างไร สำหรับลูกชายที่เป็นตำรวจก็ยังมีกำลังใจดี ส่วนอีก 3 คนแม่ก็ยังไม่ตัดสินใจ ยังไม่คุยกันว่าคนไหนจะเป็นตำรวจสืบแทนพ่อ วันนี้หลังสวดอภิธรรมศพจะได้คุยกันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เมื่อถามว่าการออกมาแถลงข่าววันนี้เป็นการแก้ตัวเมื่อสายไปแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า เรื่องนี้ความจริงจะชี้แจงตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว
"ผมได้รับโทรศัพท์จากสังคม จากประชาชน จำนวนมากที่ตำหนิติติงว่า ตร.มัวไปทำอะไรอยู่ เขาขอแค่นี้ก็ไม่ได้จนต้องมาตายในที่สุด อย่างที่พี่สมเพียรพูดไว้ อย่าให้เขาต้องกลับบ้านด้วยยศพล.ต.อ.และธงชาติคลุมศพ ซึ่งเราเข้าใจดี ผมถึงนำเรียนท่าน รรท.ผบ.ตร.ว่าอยากให้ บก.กพ. มาชี้แจงว่าหลัง ก.ตร.มีมติแล้วเราได้ทำอะไรกันบ้าง แล้วสังคมจะเข้าใจ เรายินดีรับคำตำหนิติเตียน คำวิพากษ์วิจารณ์ทุกกรณี ที่ผมว่าวันนี้ไม่ใช้มาแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น อยากเรียนให้เข้าใจว่าเราทำอะไรไปถึงไหน 6-7 วัน หลังมีมติพี่ก็มาเสียชีวิต ซึ่งเราเสียใจทุกคนที่เราไม่สามารถนำเรื่องนี้เข้า ก.ตร.ได้ทัน อย่างไรก็ตาม เราจะพิจารณาว่าความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้มีอะไรบ้าง ใครควรรับผิดชอบบ้าง เพราะกรณีนี้ไม่ใช่กรณีเดียว มีอีก 91 รายที่มาร้องเรียนว่าโยกย้ายไม่เป็นธรรม ซึ่งอนุ ก.ตร.ร้องทุกข์ และคณะกรรมการสอบสวนที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นก็กำลังดำเนินการอยู่ ในหลายกรณี ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ.ต.อ.สมเพียรผมว่าต้องมีคนรับผิดชอบ แต่แค่ไหนอย่างไรผมจะนำเรียนเป็นระยะๆ ขอให้สังคมมั่นใจว่าถ้ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในกระบวนการแต่งตั้งโยกย้าย และมีเหตุให้พี่สมเพียรไม่ได้รับการตอบสนอง ในกรณีที่เจ้าตัวไม่ได้รับการสมัครใจที่จะย้าย ถ้าไม่มีเหตุผลอันสมควรและผู้บังคับบัญชาไม่ดำเนินการอย่างโปร่งใส ผมว่า รรท.ผบ.ตร.ก็คงต้องดำเนินการ และต้องมีคนรับผิดชอบในกรณีนี้อย่างแน่นอน
เร่งสอบทำไมชื่อจากบัญชีภาค 9
เมื่อถามว่าคนที่รับผิดชอบต้องเป็นพล.ต.อ. ปทีปหรือไม่ เนื่องจากพล.ต.อ.อดุลย์ได้ทำหนังสือให้พิจารณาถึง 2 ครั้ง ก่อนมีการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ไม่ดำเนินการ โฆษก ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้หลังจากอนุก.ตร.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพ.ต.อ.สมเพียรก็ได้ดำเนินการ 2 ส่วน เรื่องแรกการย้ายข้ามภาคที่ต้องให้ 2 หน่วยยินยอมกัน อนุก.ตร.ได้สอบถามไปยัง ศชต.และบช.ภ.9 แล้วให้ชี้แจงภายใน 7 วัน ว่ากรณีการแต่งตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำอะไรไปบ้าง ตรงนี้จะส่งกลับมาที่อนุก.ตร.ร้องทุกข์และจะมีการดำเนินการเร่งด่วน ซึ่งความรับผิดชอบแค่ไหนอย่างไรเราทราบดีว่าใครต้องรับผิดชอบแค่ไหน อย่างไรถ้าเกิดมีข้อบกพร่องเกิดขึ้น
"สำหรับท่าน รรท.ผบ.ตร.นั้นผมเชื่อว่าในกระบวนการแต่งตั้งมีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่าระดับไหน ใครมีอำนาจอย่างไร ผมเชื่อว่าท่านตระหนักดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้างที่ท่านต้องรับผิดชอบ มีอะไรบ้างที่ท่านต้องลงไปกวดขันดูแล หรือมีอะไรบ้างที่ต้องทำให้กระบวนการต่างโปร่งใสและตอบต่อสังคมได้ ก็คงไม่ถึงขั้นที่ รรท.ผบ.ตร.จะต้องรับผิดชอบเอง แต่กระบวนการจัดการตรงนี้ผมว่าท่านตระหนักดีอยู่แล้วว่าสังคมต้องการคำตอบ เพราะฉะนั้นท่านต้องทำเรื่องนี้รวดเร็วกระจ่างชัด และผมจะมาแถลงให้ทราบต่อไป" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า อนุก.ตร.จะตรวจสอบว่าทำไมชื่อของพ.ต.อ.สมเพียรหายไปจากบัญชี บช.ภ.9 ทำไมไม่ได้รับการแต่งตั้ง หลังรับการชี้แจงจากพล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฐฏ์ ผบช.ศชต. และพล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ภ.9 แล้ว อนุก.ตร.ร้องทุกข์จะต้องตรวจสอบว่า 2 หน่วยตกลงไม่ได้เพราะอะไร มีเหตุใดจึงย้ายพ.ต.อ.สมเพียรไปบช.ภ.9 ไม่ได้ และอนุก.ตร.ร้องทุกข์ก็ต้องตรวจสอบในประเด็นที่พ.ต.อ.สมเพียรระบุว่า ที่ย้ายไม่ได้เพราะนายต้องการเงินมากกว่าด้วย ซึ่งเบื้องต้นในก.ตร. ทราบว่าปัญหาที่ บช.ภ.9 ไม่รับ พ.ต.อ.สมเพียรเพราะไม่มีใครยอมไป เป็น ผกก.สภ.บันนังสตาแทน ซึ่งอนุ.ก.ตร.จะตรวจสอบว่าเรื่องนี้มีความพยายามในการแลกตัวกันจริงหรือไม่ ซึ่งสัปดาห์หน้าอนุก.ตร.ร้องทุกข์ชุดนี้จะหารือเรื่องนี้กัน แต่ก็ยอมรับว่าการพิจารณาของ ตร.ในบางเรื่องบางราวก็ช้าไป
ต้องหาตัว-ใครรับผิดชอบบ้าง
เมื่อถามว่ากรณีพ.ต.อ.สมเพียรเสียชีวิตจะมีใครออกมาแสดงสปิริตรับผิดหรือไม่ โฆษก ตร. กล่าวว่า ถ้าไม่มีใครออกมาแสดงสปิริตก็ต้องเข้าสู่กระบวนการที่ต้องพิจารณาว่าใครต้องรับผิดชอบบ้าง เมื่อถามว่าบทเรียนที่ ตร.จะเอาไปแก้ไขจากเรื่องนี้คืออะไรบ้าง พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า สิ่งที่ฟังจากพ.ต.อ.สมเพียรทราบว่าท่านน้อยใจ พูดว่าตำรวจที่ไปทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเหมือนลูกเมียน้อย เราดูแลตำรวจที่ใกล้ชิดนาย อยู่ในเมืองหลวง มีผลประโยชน์ในตำแหน่งต่างๆ และคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้รับการเหลียวแล นอกจากไม่ได้รับการแต่งตั้งบางส่วนยังต้องใช้เงินใช้ทองอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมรับฟังจากปากของ พ.ต.อ.สมเพียร พวกเราก็ได้ยิน
"ประเด็นนี้ทุกคนต้องตระหนักแล้ว ไม่ใช่เพราะพ.ต.อ.สมเพียรเสียชีวิต แต่การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทุกคนต้องทำเรื่องนี้ให้จริงจังมากขึ้น ทั้งเรื่องสิทธิประโยชน์ที่เรียกร้องมานาน ว่าตำรวจใต้ต้องได้รับการดูแลสิทธิประโยชน์มากกว่าที่อื่น ซึ่งจะเข้าก.ตร.ครั้งหน้า รวมถึงการพิจารณาแต่งตั้ง ที่ ตร.จะต้องกลับมาดูและพิจารณาเรื่องนี้" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
เมื่อถามว่าการเสียชีวิตของพ.ต.อ.สมเพียรครั้งนี้ ตร.ยอมรับใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่พ.ต.อ.สมเพียร พูดถึงระบบการแต่งตั้งที่ล้มเหลว ไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องจริง พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า ต้องตรวจสอบ เรื่องนี้พูดกันทั่วไป ตนว่าผู้บริหาร ตร.ต้องได้ยิน ครั้งนี้สะท้อนพอเพียงแล้ว มากกว่าพอ เกินพอ ผู้สื่อข่าวถามว่า รรท.ผบ.ตร.จะออกพูดอะไรในฐานะผู้ที่เกี่ยว ข้องโดยตรง โฆษก ตร.กล่าวว่า คิดว่าท่านต้องพูด เมื่อถามว่าจากปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ที่มีปัญหามากมาย กระทั่งพ.ต.อ.สมเพียรเสียชีวิต ตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้า และนำเรียนไปว่าภาพรวมเป็นอย่างไร และบอกว่า ตร.ทำอะไรไปบ้าง
ระบุ"ปทีป"เสียใจมาก-ช่วยไม่ทัน
"ท่านไม่ได้พูดถึงการบริหารจัดการหรือตัวบุคคล เพียงแต่ท่านให้ผมนำเรียน รรท.ผบ.ตร. ว่าให้ไปดูแลครอบครัวเขาให้ดีที่สุด เรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ผมว่านายกรัฐมนตรีเองก็มีแนวทางในการดูแลองค์กร เพราะขึ้นตรงต่อท่าน หรืออาจมอบท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน ก.ตร. มาติดตามเรื่องนี้ ผมว่าท่าน รรท.ผบ.ตร. พยายามทำให้ดีที่สุดในตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบในส่วนของท่านที่ยังเป็น รรท.ผบ.ตร.อยู่ ผมมีโอกาสพบ รรท.ผบ.ตร.ทุกวัน มีปัญหาเกิดขึ้นในบ้านเมืองมากมาย เหตุการณ์ต่างๆ มีทั้งการบริหารจัดการภายใน ทั้งการรับศึกภายนอกต่างๆ ผมว่าผมพูดอะไรไม่ได้มาก ก็เห็นใจท่าน ที่ท่านยังคงเป็น รรท.ผบ.ตร.อยู่ จนถึงขณะนี้ ซึ่งเป็นเดือนที่ 6 แล้ว ท่านก็พยายามทำเต็มที่ แต่ก็มีอะไรทำได้ ทำไม่ได้ อะไรทำได้มากได้น้อย เป็นข้อจำกัดเฉพาะเรื่องตำแหน่ง หน้าที่รับผิดชอบ ก็เป็นเรื่องที่เราเห็นใจท่าน ผมยืนยันว่าท่านพยายามทำดีที่สุด ผมว่าท่านตระหนักในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ท่านรู้มากกว่าพวกเรา ท่านรับราชการจนจะเกษียณปีนี้แล้ว เรื่องนี้ทั้งปวงที่เกิดขึ้นท่านรู้ ตระหนักดี ท่านคงมีแนวทางของท่าน" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
เมื่อถามว่า รรท.ผบ.ตร.เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า เสียใจมาก เมื่อวานคุยกับท่าน เรื่องนี้คุยกันเยอะ ท่านมอบ พล.ต.อ.อดุลย์ลงไป ท่านเสียใจที่เรื่องนี้ยังไม่ทันเข้าประชุมก.ตร.แต่พ.ต.อ.สมเพียรมาเสียชีวิตก่อน ผู้บริหารใน ตร.ทุกคนเสียใจ อยากให้ตนไปเรียนกับครอบครัวเอกสมญา ว่าทุกคนเสียใจ
ตร.ขอโทษครอบครัว-สำนึกผิด
"ขอโทษในสิ่งที่พ.ต.อ.สมเพียรต้องการในวาระสุดท้ายของชีวิต ที่ขอย้ายไปอยู่กับครอบ ครัวอย่างมีความสุข ซึ่งเรารู้สึกได้ดีในความที่ทุกคนมีครอบครัว ผมขอโทษท่าน ขอโทษลูกชายของท่านด้วย เป็นคำขอโทษจากใจจริง ผมว่าตำรวจทุกคนรู้สึกได้ที่เราติดหนี้ในความรู้สึกตรงนี้อยู่ ผมเสียใจจริง สัมผัสได้เพราะใกล้ชิดกับความตายมาเยอะ เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นภรรยา ขอโทษผ่านสื่อด้วยว่าสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำนั้นช้าเกินไป ไม่สำเร็จ จนต้องมาเสียชีวิต" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
ถามว่า รรท.ผบ.ตร.มีอำนาจให้มาช่วยราชการเพื่อเยียวยาก่อนได้ ทำไมไม่ทำ โฆษก ตร.กล่าวว่า เราคิดไม่ถึง แต่พูดไปเหมือนแก้ตัว เรื่องนี้สะท้อนความล้มเหลวในการบริหารงานตร. และยังสะท้อนอีกหลายอย่าง บทเรียนที่ได้คือไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ ตนคิดว่าหลังจากนี้ รรท.ผบ.ตร.จะเดินทางไปที่ สภ.บันนังสตา ไปปลอบขวัญ พูดคุย ทำความเข้าใจตำรวจที่นั่น เรื่องนี้ทราบดีว่าการสูญเสียผู้นำที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานเป็นเรื่องที่สะเทือนใจทุกคน เรื่องนี้ใครทำผิดเมื่ออนุ ก.ตร.ตรวจสอบต้องมีคนรับผิดชอบ ทั้งนี้ เรื่องนี้ ตร.สำนึกผิดแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราสำนึกผิดแล้วจริงๆ
แจกแจงเงินสวัสดิการช่วยเหลือ
พล.ต.ต.โชติกรชี้แจงว่า หลังจากวันที่ 5 มี.ค. ที่ก.ตรมีมติให้เยียวยา รรท.ผบ.ตร.ก็สั่งการมาที่บก.ทพ อย่างเร่งด่วนให้รีบดำเนินการให้พ.ต.อ.สมเพียร ซึ่งบก.ทพ ดำเนินการเป็นขั้นตอน เริ่มจากตัดโอนตำแหน่งผู้บังคับหมู่ของสำนักงานกำลังพล 1 อัตรา ไปให้ จ.ตรัง แล้วนำเสนอต่อก.ตร.ในการปรับอัตรา ผบ.หมู่ เป็นอัตรารองผบก. เพื่อรองรับการแต่งตั้ง พ.ต.อ.สมเพียร จากนั้นจะดำเนินการแต่งตั้งโดยต้องขอก.ตร.อนุมัติยกเว้นขึ้นข้ามหน่วย และขออนุมัติให้ขึ้นตำแหน่งรอง ผบก.ได้ ทั้งที่คุณสมบัติส่วนตัวของพ.ต.อ.สมเพียรยังไม่ครบ เนื่องจากดำรงตำแหน่งเพียง 3 ปีเศษ ไม่ครบ 4 ปี ซึ่งก.ตร.สามารถอนุมัติให้ได้ และต้องขอแต่งตั้งนอกวาระประจำปี ซึ่งบก.ทพ.ตั้งใจจะดำเนินการให้ทันในก.ตร.ครั้งถัดไปคาดว่าจะเป็นวันที่ 19 มี.ค. แต่น่าเสียใจ ตนเองก็ยังเสียใจจนถึงตอนนี้ ที่เราทำให้พ.ต.อ.สมเพียรไม่ทัน ทั้งที่ผู้บังคับบัญชาสั่งมาแล้ว
ด้านพล.ต.ต.วรวิทย์กล่าวว่า ตร.พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษไม่เกิน 7 ขั้น เลื่อนชั้นยศเป็นกรณีพิเศษให้เป็นพล.ต.อ. และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประถมาภรณ์มงกุฎไทย เงินทดแทนการเสียชีวิต 25 เท่าของเงินเดือน คิดเป็น 1,089,250 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาทตามสิทธิ์ ซึ่ง ตร.จะดำเนินการโดยด่วน ขณะที่ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ โลมา รอง สว.สส. สภ.บันนังสตา และตำรวจอีก 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับเงินเพิ่มการสู้รบหรือพ.ส.ร. ไม่เกิน 2 ขั้น เงินชดเชยการป่วยเจ็บรายวัน อัตรา 1/30 เท่าของเงินเดือน กรณีรักษาในโรงพยาบาล และ 1/60 เท่าของเงินเดือนกรณีพักฟื้นนอกโรงพยาบาล ตามคำสั่งแพทย์ สำหรับเงินสวัสดิการสงเคราะห์นั้น ทายาทของพ.ต.อ.สมเพียรจะได้รับเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ 350,000 บาท และเงินกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์ 200,000 บาท ส่วนที่บาดเจ็บได้เงินนี้รายละไม่เกิน 100,000 บาท
"สมเพียร"เคยแฉโดนตั้งค่าหัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการร้องเรียนของพ.ต.อ.สมเพียรนั้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. พ.ต.อ. สมเพียร พร้อมด้วยภรรยา เดินเข้ามาที่ห้องสื่อมวลชนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมแฟ้มเอกสารผลงานและหนังสืออัตชีวประวัติของตัว ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา สบ.10 จัดทำขึ้น เป็นภาพของนายตำรวจบ้านนอกที่เข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยต้องมาถามผู้สื่อข่าวว่าจะขอร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายต้องทำอย่างไรบ้าง จะขอพบผบ.ตร.ได้อย่างไร เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามและสัมภาษณ์พ.ต.อ.สมเพียรถึงสาเหตุการณ์ร้องเรียน พ.ต.อ.สมเพียร ระบุตอนหนึ่งว่า ตอนนี้โดนโจรใต้ตั้งค่าหัวไว้แล้ว คือใครฆ่าได้จะได้แพะเป็นรางวัล 50 ตัว แพะตัวหนึ่งราคาประมาณ 5 พันบาท รวมแล้วประมาณ 2 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวบางส่วนจึงเดินขึ้นไปยังสำนักงานรรท.ผบ.ตร. ที่อาคาร 1 ชั้น 8 พร้อมพ.ต.อ.สมเพียร แต่หน้าห้องของพล.ต.อ.ปทีปปฏิเสธที่จะให้พบ อ้างว่าเรื่องร้องเรียนการแต่งตั้งไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องของคณะกรรมการก.ตร. ซึ่งมีการแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมาดูแลแล้วให้ไปร้องเรียนที่นั้น ระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าวบางคนได้โทรศัพท์ติดต่อพล.ต.ท.พงศพัศ ได้รับคำตอบว่าอยู่สำนักงาน แต่ไม่ว่าง พร้อมแนะนำให้ไปร้องเรียนที่ผบช.ก.ตร. ซึ่งอยู่ที่ชั้น 18
มาร้องเรียนสตช.-โดนโบ้ยแหลก
ถึงตอนนี้ พ.ต.อ.สมเพียรบอกว่า ไม่เป็นไร ขอฝากหนังสือร้องเรียนไว้ก็แล้วกัน จึงได้ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 18 พร้อมผู้สื่อข่าว โดยเมื่อจะเข้าลิฟต์ พ.ต.อ.สมเพียรยังพูดติดตลกว่าลิฟต์จะหนีบเท้าเปล่า เพราะไม่ค่อยเคยขึ้นลิฟต์ ประกอบกับข้อเท้าซ้ายใช้งานไม่สะดวกเพราะเคยถูกยิงมา เป็นภาพประทับใจที่ผู้สื่อข่าวพบ จึงพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อถึงสำนักงานก.ตร.ได้รับคำตอบว่า ผบช.ก.ตร.ติดประชุมไม่ว่าง จึงส่งนายตำรวจยศพ.ต.ท.มารับหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์วันนั้น กลุ่มผู้สื่อข่าวได้แต่ส่ายหน้ากับการปฏิบัติของผู้ใหญ่ ที่ไม่เคยใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชา และหลังจากนั้นก็ไม่มีการช่วยเหลือพ.ต.อ.สมเพียรอย่างจริงจัง พอปรากฏข่าว พ.ต.อ.สมเพียรเสียชีวิต อันเนื่องจากการร้องเรียนดังกล่าวไม่สำเร็จ ทำเอาผู้สื่อข่าวทุกคนคิดถึงภาพวันที่พ.ต.อ.สมเพียรเดินขาเขยกมาร้องเรียน แล้วถึงกับน้ำตาซึมตามๆ กัน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า แต่เดิมพ.ต.อ.สมเพียรได้รับการวางตัวให้มาพักผ่อนก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2554 เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีที่ได้ทำไว้ตั้งแต่รับราชการในพื้นที่เสี่ยงภัยในสามจังหวัดชายแดนใต้มาเกือบ 40 ปี โดยมีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา สบ.10 ที่คลุกคลีงานสนามภาคใต้เป็นหัวเรือใหญ่ในการวิ่งเต้นช่วยเหลือขอร้องต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ผลที่ออกมา คือ พ.ต.อ.สมเพียร อยู่ที