เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ ว่า เมื่อคืนวันที่ 10 มี.ค.ตนได้สั่งการให้มีการเคลื่อนย้ายกำลังที่ใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อย 50,000 คน (ข้าราชการพลเรือน อาสาสมัคร อพปร. ตำรวจ ทหาร) เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบอยู่ทั่วพื้นที่กทม. ซึ่งตนขอย้ำว่าไม่มีคนใดที่พกอาวุธไม่ว่าปืนสั้น-ยาว มีเพียงเครื่องป้องกันตัวเอง คือโล่ กระบองเท่านั้น และแต่งเครื่องแบบชัดเจน และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะมีเครื่องหมายติดเพื่อบอกฝ่ายชัดเจน ป้องกันไม่ให้ใครแปลกปลอมมาอ้างได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ หากใครแต่งเลียนเครื่องแบบเจ้าหน้าที่จับกุมและถูกดำเนินการทันที และในระหว่างชุมนุมหากมีกลุ่มคนแฝงมาเพื่อบุกรุกเข้าไปในที่ตั้งของทหาร ค่ายทหาร สถานีตำรวจ กองบัญชาการตำรวจ ซึ่งสถานที่เหล่านั้นมีอาวุธของทางราชการเก็บอยู่ ก็จะใช้อาวุธในการปราบปรามทันที เพราะถือว่าพวกนี้เป็นผู้ก่อการร้ายมุ่งเข้าไปปล้นชิงอาวุธออกมาทำร้ายประชาชน ต้องดำเนินการเด็ดขาด
ส่วนเจ้าหน้าที่มีอาวุธครบมือจะมีจำนวนจำกัด เป็นเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีเรียกว่าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือที่เรียกว่า “สวาท”
เขียนติดที่เสื้อชัดเจนว่าตำรวจ ประชาชนจะได้เห็นว่าคนที่ถืออาวุธหน้าตาอย่างนี้ เพื่อป้องกันคนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไปทำร้ายประชาชน โดยจะมีจำนวนประมาณหลักร้อยเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมสถานที่แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนไปยังประชาชนไว้ที่ ร.11รอ.บางเขน ซึ่งจะเป็นที่ตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบในคราวนี้ และเป็นสถานที่ที่ตนเลือกเองเพราะเป็นที่อยู่ห่างกลุ่มผู้ชุมนุมไปหน่อย เพราะเข้าประกาศแล้วว่าจุดชุมนุมใหญ่ของเขาอยู่ที่สนามหลวง ถนนราชดำเนิน เวทีใหญ่อยู่ที่สะพานผ่านฟ้า คาดว่าในวันที่ 12 มี.ค.จะเข้าทำงานได้
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะฝ่าทุกด่านมาให้ได้โดยไม่เกรงกลัวว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายกี่ฉบับก็ตาม นายสุเทพ กล่าวว่า เขาไม่ควรฝ่าด่าน
ถ้าทำแสดงว่าไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น ทั้งที่ค้นเพื่อป้องกันไม่ให้นำอาวุธ คนต่างด้าวเข้ามาชุมนุม เพราะทำให้เกิดอันตรายต่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตามด่านที่ตั้งนั้นมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งคงจะแจกแผนที่ให้ดู มีอยู่หลายชั้น เช่น ด่านตรวจเส้นทางที่มาจากต่างจังหวัดเข้ากทม. ชานเมืองกทม. ในกทม. โดยตนมีความกังวลใจเรื่องการพกพาอาวุธมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานประสานงานกับผู้ชุมนุมหรือแกนนำผู้ชุมนุมจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่
นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจว่าคราวนี้เป็นพิเศษที่ต้องแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและเน้นเรื่องการเจรจาจึงแต่งตั้งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานดำเนินการเจรจา โดยทำทุกอย่างที่จะทำความเข้าใจว่าอะไรทำได้ไม่ได้ หรือเขาเรียกร้องอยากจะได้อะไรก็ให้เจรจาเพราะนายกอร์ปศักดิ์เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งฝ่ายผู้ชุมนุมก็มั่นใจได้ว่ามีราคา พูดจาเชื่อถือได้ พูดแทนนายกรัฐมนตรีได้ แทนตนและกองอำนวยการรักษาความสงบได้
เมื่อถามว่า จะพาครอบครัวไปอยู่เซฟเฮ้าส์หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวแต่อย่างใด ตอนนี้ทุกคนยังอยู่ในกทม.
แต่ตั้งใจว่าตัวเองจะไปอยู่ในที่พักที่เดียวกับนายกรัฐมนตรีเพื่อสะดวกในการแก้ไขเหตุการณ์ ส่วนครอบครัวพยายามชักชวนอยู่ ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆไม่มีใครไป บ้านใครบ้านมัน ตอนนี้มีเพียงตนกับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น นายสุเทพ ได้กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ตนรู้สึกกังวลใจมาก และรู้สึกว่ากำลังเจ้าหน้าที่น้อยเกินไปด้วยซ้ำ ถ้ามีกำลังมากกว่านี้จะใช้มากกว่านี้ เพราะเราต้องดูแลให้ทั่ว
เริ่มใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯวันแรก กำลัง 5 หมื่นคุมทั่วกรุง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เริ่มใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯวันแรก กำลัง 5 หมื่นคุมทั่วกรุง