พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี
วันที่ 8 มีนาคมถึงแนวทางต่อสู้หลังจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทว่า จะต่อสู้ต่อไปโดยจะอยู่ในหลักการประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านมาตนทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด แต่ทุกวันนี้มีคนชักใยการเมืองและทำเพื่อตัวเอง พอมีคนเข้ามาเกี่ยวพันกับประชาชนเป็นที่รักของประชาชนจึงระแวงว่าจะเป็นภัยต่อตัวเอง เมื่อคนกลุ่มนี้เกิดความระแวงก็รู้สึกว่าการเมืองเป็นอันตรายกับตัวเอง จึงจะเล่นงานให้ตายไป
เมื่อาถามว่า การเป็นนายกฯที่สวมหมวก 2 ใบ เป็นนายกฯ และเป็นนักธุรกิจ จึงทำให้เกิดปัญหา
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นนักธุรกิจแล้วเป็นอย่างไร หรือต้องการให้นักการเมืองอาชีพไม่ต้องทำอะไร เล่นการเมืองมาตั้งแต่เกิดและเตรียมตัวเป็นนายกฯ โดยที่ไม่ต้องมีประสบการณ์ แล้วก็บริหารบ้านเมืองไม่ได้ ตนเป็นนักธุรกิจ มีประสบการณ์ สามารถบริหารประเทศก็สามารถปลดหนี้ไอเอ็มเอฟได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ประเทศไทยก็กลับไปเป็นลูกหนี้อีกแล้ว เสียดายที่ไม่เชื่อฟังภรรยาที่ห้ามไม่ให้เล่นการเมือง
"ภรรยาผมเป็นคนในกรุงเทพฯ พ่อเป็นราชองค์รักษ์ รู้จักการเมือง รู้จักอำมาตย์ แต่ผมไม่รู้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าอำมาตย์เป็นอย่างไรก็คงเชื่อภรรยาแล้ว ผมมีอุดมการณ์ ตั้งใจที่จะช่วยบ้านเมืองให้เกิดความยุติธรรมแต่ไม่รู้ไปเหยียบตาปลาใครเข้าคงต้องโทษความซื่อบื้อของตัวเอง แต่ก็ต้องสู้ต่อไป เพราะถ้าจะมานั่งเสียใจอย่างเดียวมันคงไม่มีประโยชน์ ขอเตือนนักธุรกิจที่จะมาเล่นการเมืองว่าให้จัดการธุรกิจให้เรียบร้อย ถ้าจะเล่นการเมืองต้องขายทรัพย์สินของตัวเองให้หมด ถ้าย้อนไปได้ ผมคงไม่เข้าการเมือง แต่ทั้งหมดนี้ประชาชนยังรักผมและอย่าเพิ่งทิ้งกัน ขอให้ร่วมกันต่อสู้ต่อไป ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นทาสเขา"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในมุมของความเป็นผู้นำ 2 สมัย มีทั้งคนมองมุมขาวและมุมดำ มองเรื่องนี้อย่างไร
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นเพราะมีทีวีที่สามารถโกหกได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ผิดกฎหมาย โกหกทุกวัน คนที่ไม่มีอะไรทำฟังทุกวันก็เชื่อ แต่ตนยืนยันได้ที่บอกว่าตนเผด็จการเหมือนเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ก็ไม่จริง ตนไม่ใช่เผด็จการแต่กล้าคิดกล้าตัดสินใจ ซึ่งในการต่อสู้คดีนั้น จะยื่นทั้งอุทธรณ์และยื่นฟ้องต่อศาลโลก โดยขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการอยู่ เพราะตนจะแสวงหาความยุติธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่าว่าขอให้ดาบนั้นคืนสนองหมายความว่าต้องการล้างแค้นหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ได้ล้างแค้น ศรีปราชญ์ ก็ถูกตัดหัว
แต่เป็นการสาปแช่งคนที่ทำกับตน ทุกวันนี้ประเทศขาดความหน้าเชื่อถือ ก็ควรยุบสภาลาออกไปซะ ให้ประชาชนตัดสินกันใหม่ เพราะไปปล้นเข้ามาจึงต้องกลับไปถามประชาชนว่าประชาชนยืนยันหรือไม่ต้องการให้รัฐบาลอยู่ต่อ หากมั่นใจว่าคนเสื้อแดงมีแค่หยิบมือก็ลองยุสภาดูจะได้รู้ว่าการเลือกตั้งเป็นอย่างไร หากพรรคประชาธิปัตย์ ชน คนเสื้อแดงก็ต้องยอมรับกติกาและหยุดเคลื่อไหว