เทพไท วอนเสื้อแดงเห็นแก่ประเทศชาติ

“เทพไท” ชี้ เชื่อ หลัง14 มี.ค. มีเศรษฐีเพียบ  วอน  3 เ กลออย่าเห็นแก่ตัวจนชาติพัง ...

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นนาทีทองของแกนนำคนเสื้อแดง

ที่มีโอกาสต่อรองผลประโยชน์กับนายใหญ่ได้มากที่สุด ทำให้แกนนำทุกคนพยายามที่จะต่อสายตรงถึงนายใหญ่ด้วยตนเอง บางคนต้องบินตรงไปที่ดูไบ เพื่อไปเจรจาลักษณะตัวต่อตัวกันหลายคน โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังใช้การบริหารงานในรูปแบบธุรกิจขายตรงไปยังกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวทางกรเมืองให้กับตนเอง

ส่วนแกนนำระดับล่าง ที่ไม่มีโอกาสใกล้ชิดนายใหญ่ พยายามสร้างภาพให้มวลชนเห็นว่าขาดสภาพคล่องในการเคลื่อนไหว จัดกิจกรรมระดมทุนในรูปแบบต่างๆ

แต่เป็นจำนวนน้อยมาก รายละไม่เกิน 1,000 บาท เพื่อสร้างภาพให้สังคมเห็นว่าไม่มีการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆที่เงินจากการจัดกิจกรรมไม่เพียงพอในการซื้อน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับม็อบด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามอธิบายให้มวลชนเห็นว่าทุนในการเคลื่อนไหวมีจำนวนจำกัด ทั้งๆที่การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุด และมีเดิมพันที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ

นายเทพไท กล่าวว่า เชื่อว่างบประมาณที่นายใหญ่จัดส่งมาตามท่อน้ำเลี้ยง ก็คงจะค้างท่อจำนวนมาก จึงไหลสู่ปลายทางค่อนข้างน้อย

จึงอยากจะให้มวลชนคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องทวงสิทธิ์ของตนเอง เพื่อให้นายใหญ่ได้รับรู้ว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า จะได้บีบทะลวงท่อน้ำเลี้ยงที่จะอุดตัน ให้ไหลสู่มวลชนได้อย่างสะดวก การชุมนุมในครั้งนี้จะเกิดมหกรรมการอมเงินของนายใหญ่อย่างมโหฬาร ในหมู่แกนนำคนเสื้อแดง และเสร็จจากการชุมนุมไปแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ประเทศไทยก็จะเกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายคน

ทั้งนี้อยากให้แกนนำคนเสื้อแดงระลึกถึงอนาคตของชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง อยากให้ฟังกระแสสังคม ที่แสดงออกมาผ่านผลสำรวจว่า ไม่อยากเห็นการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สูงถึง 47 เปอร์เซ็นต์

และขอให้สงสารคนกรุงเทพฯ ที่กำลังจะฝันร้ายแบบในช่วงสงกรานต์เลือดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนการที่แกนนำคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องคน กทม.ว่า ต้องหยุดกรุงเทพฯสักระยะหนึ่ง เพื่อจะก้าวไปสู่ข้างหน้านั้น ไม่อยากให้แกนนำเหล่านั้นแสดงความเห็นแก่ตัว เอาอนาคตประเทศชาติเป็นที่ระบายอารมณ์ทางการเมือง เพราะการหยุด กทม.ครั้งนี้ จะเป็นการถอยหลังลงคลอง พาประเทศชาติเสียหาย และเสียโอกาส ไม่สามารถที่จะเรียกกลับคืนมาได้ ขอเรียกร้องคนกรุงเทพฯ ใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร ผ่านสื่อกระแสหลักมากกว่าสื่อเทียมหรือสื่อใต้ดินของบุคคลบางกลุ่ม ที่พยายามปล่อยข่าวลวงรายวันทำให้ประชาชนสับสนไขว้เขวและเกลียดชังรัฐบาล

โดยในขณะนี้กลุ่มคนเหล่านี้พยายามเปิดสงครามข่าวสารผ่านสื่อของตนเองตลอด 24 ชั่วโมง พยายามสร้างเรื่องใส่ร้ายรัฐบาลให้ประชาชนเข้าใจผิด

เช่น แบล็กลิสต์จำนวน 212 คน เพื่อสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พระสงฆ์ หรือเรื่องโรยตะปูเรือใบขัดขวางการเดินทางของคนเสื้อแดงที่จะเข้าสู่ กทม. ที่ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเท็จ ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่ารัฐบาลจะโหมโรงสร้างข่าวใส่ร้ายโจมตีอดีตนายกฯโดยใช้สื่อรัฐนั้น ขอปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่เคยมีแนวความคิดดังกล่าว เป็นการปล่อยข่าวของคนเสื้อแดงทั้งสิ้น และคนเสื้อแดงต่างหากที่พยายามเคลื่อนไหว ใช้ความรุนแรงในการชุมนุมตลอดเวลา