จากนั้นกำลังตำรวจก็ตรงเข้าไปเปิดประตูข้างรถตู้คันดังกล่าวก็พบชายสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังสุดของรถ คนหนึ่งนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร
ส่วนอีกคนกำลังถือหนังสือพิมพ์ยกขึ้นปิดบังใบหน้า ทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เจ้าหน้าที่จึงเรียกทั้งสองให้ลงจากรถก็พบว่า ชายคนที่ถือหนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่นั้นคือ นายพรวัฒน์ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งอยู่ร่วมตรวจสอบรถถึงหน้าถอดสีเมื่อตำรวจพบนายพรวัฒน์นั่งอยู่ในรถ ผิดไปจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ยังพูดจาหยอกล้อกับสื่อมวลชนอย่างสนุกสนาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบนายพรวัฒน์ พ.ต.อ.สานิตย์ สั่งให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. และกำลังคอมมานโด
นำนายพรวัฒน์ขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นสอง อาคารสำนักงานผู้บังคับบัญชาทันที โดยมีพล.ต.ขัตติยะ เดินประกบอยู่ไม่ห่าง ทั้งนี้นายพรวัฒน์ กล่าวว่า เป็นนักจัดการรายการโหราศาสตร์คู่การเมืองกับการทหาร เป็นรายการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองผ่านทางแคมฟอกซ์ ช่วงเวลา 22.00-เที่ยงคืน และ 01.00 -03.00 น. ซึ่งจัดมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว โดยตนจะนำดวงเมืองมาช่วยวิเคราะห์ และจำลองภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นในทุกๆ 2 วัน
นายพรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ออกไปโดยเฉพาะที่เว็บไซต์ยูทูปนั้นก็มีคนทำขึ้นซึ่งจะตัดหรือหยิบช่วงใดของรายการไปก็ได้
ซึ่งคนที่ทำก็ตัดเอาช่วงท้ายๆของรายการแค่ประมาณ 2 นาทีไปลง สังเกตได้ว่าเป็นช่วงที่ตนใกล้จะหลับแล้วเพราะง่วงมาก ไม่ไหว หลังจากนั้นก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะเลย ทั้งที่รายการจริงๆจัดนาน 2-3 ชั่วโมงจึงอยากถามว่าเหตุใดจึงไม่นำรายการทั้งหมดไปลง ส่วนสิ่งที่ตนพูดในรายการนั้นก็เป็นการวิเคราะห์จากโหราศาสตร์ว่าแต่ละวันเกิดอะไร ซึ่งตนสามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์มากดดูได้เลยซึ่งจากการตรวจสอบช่วงนั้นก็หนีไม่พ้นที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่แล้วตนจึงวิเคราะห์ไปตามหลักโหราศาสตร์
จากนั้น พ.ต.อ.สานิตย์ พร้อมพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายพรวัฒน์ตามหมายจับทั้งสองคดี โดยเบื้องต้นนายพรวัฒน์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสอบสวนนายพรวัฒน์พ.ต.อ.ศานิตย์ สั่งให้นำคอมมานโดอาวุธครบมือมารักษาความปลอดภัยโดยรอบสถานที่สอบสวน รวมทั้งสั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.อดินันท์ ตรวจค้นรถตู้และค้นตัวลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะทุกคนอีกครั้ง ในการตรวจค้นตัวลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะนั้นมีอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นคนขับรถอ้างตัวชื่อ นายพล อดีตทหารนาวิกโยธิน ไม่ยินยอมที่จะเปิดรถตู้ให้ตรวจสอบโดยอ้างว่าตำรวจไม่มีสิทธิ์ และต้องขออนุญาตจาก เสธ.แดงก่อน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามเจรจาเกลี่ยกล่อมจนนายพลยอมให้ตรวจค้นแต่โดยดี ซึ่งจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนพกสั้นในรถตู้ทั้งหมด 4 กระบอก ประกอบด้วย ปืนพกสั้นยี่ห้อบาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ปืนสั้นยี่ห้อคาร์ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ปืนสั้นยี่ห้อกล็อค ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ปืนสั้นยี่ห้อซีแซด ขนาด 6.35 มม. 1 กระบอก ส่วนที่ตัวลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะคนหนึ่งพบว่าพกปืนสั้นยี่ห้อกล็อค ขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนจึงยึดมาตรวจสอบทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมี กระสุนปืนขนาด 9 มม. 48 นัด ขนาด 6.35 จำนวน 8 นัด มีดพก 1 เล่ม กระเป๋าหนังสีดำ 1ใบ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง และกล้องดิจิตอล อีก 1 ตัว
ต่อมา พ.ต.อ.ศานิตย์ ได้นำ พล.ต.ขัตติยะ มาตรวจสอบอาวุธปืนของกลางที่ค้นพบในรถและที่ตัวลูกน้องทำให้ พล.ต.ขัตติยะมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่ พล.ต.ขัตติยะก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอาวุธปืนทั้งหมดนั้นมีทะเบียนถูกต้อง ทางตำรวจจึงขอให้นำเอกสารมาแสดงเพื่อเป็นการยืนยัน
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า อาวุธปืนของตนนั้นมีเพียง 2 กระบอก ซึ่งทั้งหมดมีทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย
ส่วนใบอนุญาตพกไม่ต้องใช้เพราะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ส่วนอาวุธปืนที่เหลือและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คนั้นเป็นของนายพรวัฒน์ ซึ่งก็มีทะเบียนทั้งหมดเช่นกัน ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องพกอาวุธปืนติดตัวไว้ก็เพื่อป้องกันตัวเพราะมีคนจ้องเล่นงานตนอยู่ ด้าน พ.ต.อ.ศานิตย์ เปิดเผยว่า พล.ต.ขัตติยะ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามคดีตัวเองและนายพรวัฒน์ แต่ขณะที่ พล.ต.ขัตติยะกำลังจะกลับก็มีสายลับแจ้งว่านายพรวัฒน์อาจหลบอยู่ในรถตู้ของ พล.ต.ขัตติยะจึงขอตรวจค้น ซึ่งช่วงแรก พล.ต.ขัตติยะ บอกว่าไม่มี แต่ตรวจสอบก็พบนายพรวัฒน์หลบอยู่ที่เบาะหลัง ลักษณะใช้หนังสือพิมพ์บังตัวเองอยู่ ทั้งนี้นายพรวัฒน์มีหมายจับติดตัว 2 หมาย ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงทำการจับกุมได้ทันที
พ.ต.อ.ศานิตย์ กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้นจะพิจารณาโดยยึดหลักกฎหมาย
แต่ขณะนี้ยังไม่มีการขอยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวแต่อย่างใด ซึ่งพนักงานสอบสวน บก.ปอท. โดยเฉพาะ ผบก.ปอท. ได้เดินทางมาสอบสวนคดีนี้ด้วยตนเอง ส่วนการตรวจสอบพบอาวุธปืน 5 กระบอก เบื้องต้นพบว่าเป็นของพล.ต.ขัตติยะ 2 กระบอก มีทะเบียนถูกต้อง เป็นของนายพรวัฒน์ 1 กระบอก มีใบอนุญาตแต่ผิดมือ ส่วนอีก 1 กระบอกเป็นของลูกน้อง ซึ่งมีใบอนุญาตเช่นกัน แต่ไม่มีใบอนุญาตพกพา อย่างไรก็ตามได้ให้ พล.ต.ขัตติยะ และนายพรวัฒน์นำในอนุญาตครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนใบอนุญาตพกพาในส่วนพล.ต.ขัตติยะนั้นไม่น่ามีปัญหาเพราะเป็นนายทหารสามารถพกพาได้ ส่วนนายพรวัฒน์นั้นพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารระโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกคดีหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างสอบสวนเรื่องอาวุธปืนอยู่นั้น พล.ต.ขัตติยะได้ขอพ.ต.อ.ศานิตย์เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองไปปราศรัยที่ จ.อุบลราชธานี
ซึ่งตำรวจไม่อนุญาต แต่ พล.ต.ขัตติยะกับลูกน้องที่เป็นคนขับรถก็เดินตรงไปรถตู้ พร้อมกับเปิดประตูจะขึ้นรถ แต่ พ.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ปพ.บก.ป. พร้อมตำรวจคอมมานโดอาวุธครบมือ 5 นาย เข้าห้ามปรามไว้ พร้อมขอความร่วมมือให้กลับขึ้นไปยังห้องสอบสวนเพื่อความเรียบร้อยซึ่ง พล.ต.ขัตติยะกับลูกน้องก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว