คมชัดลึก : "นายกฯ"ลั่นจะไม่ใช้มาตรการเด็ดเพื่อยุติปัญหาด้วยวิธีการกวาดล้าง พร้อมเปรยเสียใจที่ประเทศถูกสกัดไม่เดินหน้า แถมวอนหยุดขยายผลบัญชีดำคนเสื้แดง พร้อมปัดข่าวบัญชีดำไม่ใช่เรื่องจริง
เมื่อเวลา 19.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “ การสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนท่ามกลางวิกฤต ” เนื่องในวันนักข่าว 2553 TJA 55 th Anniversary ใจความว่า ตนอยู่ในฝ่ายถูกตรวจสอบแต่ยินดีกับสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ แม้บางเรื่องจะไม่น่ายินดีนักกับฝ่ายบริหารก็ตาม หัวข้อในวันนี้มีความท้าทายสังคมไทยหากมองไปข้างหน้า วิกฤตที่เกี่ยวกับการลงทุนและความเชื่อมั่นต่อประเทศและสังคมไทยนั้น
ปีที่แล้วพูดเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจโลกและวิกฤตการเมืองไทย วันนี้วิกฤตเศรษฐกิจลดลงไปพอควร การฟื้นตัวของเศรษฐกิจตั้งแต่กลางปีที่แล้วหลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ตัวเลขวันนี้ยืนยันการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นบวก แม้จะมีความเสี่ยงบ้างแต่ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ปรับสูงขึ้นคือ ร้อยละ 3.5 - 4.5 ส่วนความเชื่อมั่นการแก้ไขปัญหามาบตาพุดนั้น คณะกรรมการสี่ฝ่ายกำหนดกรอบต่างๆให้มีความชัดเจนขึ้นในการแก้ปัญหาโดยตั้งองค์การอิสระขึ้นมาดูแล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
อีกวิกฤตหนึ่งที่โดนจับตาด้วยความห่วงใย คือ วิกฤตการเมืองและสถานการณ์ในไม่กี่วันข้างหน้าที่จะมีการชุมนุมใหญ่ โดยมีการโหมโรงรุนแรงเป็นพิเศษและคนบางกลุ่มแสดงทัศนะชัดว่าจะใช้ความรุนแรงในการชุมนุม การตอบโจทย์ในเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นนั้น แนวคิดและแนวปฏิบัติของตนในช่วงยี่สิบปีนี้คือความเชื่อมั่นจะเกิดได้มันต้องมาจากพื้นฐานความเป็นจริง ตนไม่เชื่อการโฆษณาชวนเชื่อ การตกแต่งตัวเลขและปกปิดความจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเลย เพราะตนใช้หลักการพูดความจริง และในเรื่องการเมืองนั้น บ้านเมืองจะสงบสุขได้มันต้องใช้หลายสิ่งประกอบคือเวลา ความอดทน การสร้างค่านิยมที่อยู่ภายใต้กติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ความกังวลในไม่กี่วันข้างหน้าที่คนกลุ่มเล็กๆมีเป้าหมายให้บ้านเมืองวุ่นวายและหวังการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีนอกระบบโดยหวังล้มกระดานเพื่อประโยชน์ของตัวเองนั้น ต้องยอมรับความจริงนี้ว่าการพูดอย่างอื่นไม่สามารถทำให้คนเชื่อถือได้ วิกฤตยืดเยื้อที่แบ่งแยกประชาชนมานานนั้น คนใดคนหนึ่งแก้ไขปัญหาเองไม่ได้ รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนปูทางไปสู่ความเชื่อมั่น หากให้ความจริงกับประชาชนแล้ว แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลต้องแสวงหาความร่วมมือตลอดเวลาโดยทำจากประชาชนทุกกลุ่ม ท่ามกลางความแตกแยกในหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลยึดหลักกฎหมาย ถูกต้อง เคารพสิทธิของทุกฝ่าย โดยอาศัยความอดทน ความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาการเมืองครั้งนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า
ตนโดนเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเเบบสุดโต่ง แต่มันไม่ใช่คำตอบ บางครั้งเสนอให้ใช้ความเด็ดขาดที่หมายถึงการใช้กำลังและความรุนแรงกวาดล้างนั้น มันไม่ใช่ หนึ่งปีเศษที่ผ่านมานั้นหลายเรื่องที่เกิดขึ้นตนก็มีความรู้สึกโกรธ เจ็บ และแค้น แต่ยืนยันและพิสูจน์แล้วว่าคนที่มาทำหน้าที่และใช้อำนาจนั้นต้องถอดออกไปจากการทำงาน และไม่มีทางที่การใช้ความเด็ดขาดไปกวาดล้าง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ในทางกลับกันบางกลุ่มเรียกร้องว่าปัญหาในสังคมไทยวันนี้แก้ได้โดยการต่อรองให้ทุกฝ่ายสมประโยชน์ ตนยืนยันว่าปฏิเสธแนวทางนี้ เพราะการต่อรองคือตกลงประนีประนอมสิ่งที่ผิดกับสิ่งที่ถูกต้อง หากทำแล้วแก้ปัญหาวันนี้ได้ มันจะเป็นการเชิญให้เกิดปัญหาที่รุนแรงกว่าในวันข้างหน้า เพราะมันทำลายหลักของบ้านเมือง หลายคนวิจารณ์แนวทางที่รัฐบาลเดินวันนี้ว่าไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ตนยืนยันว่าไม่จริง แต่ยอมรับว่าเหนื่อยเพราะตนเดินสายชี้แจงทั้งในและต่างประเทศ และคิดว่าส่วนใหญ่เข้าใจ หัวใจจริงๆในการสร้างความเชื่อมั่นของสังคมคือ การจัดการปัญหาให้ดีที่สุดนั้น ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น เลวร้ายสุดคือหากเกิดเหตุต้องจัดการแบบอารยะประเทศ หากทำแบบนี้นานาชาติจะเข้าใจและฟันฝ่าไปได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า
ตนเสียดายและเสียใจว่า สังคมส่วนใหญ่ต้องการเดินหน้า แต่ยังเสี่ยงกับการเป็นเหยื่อคนกลุ่มเล็กๆที่ต้องการความวุ่นวายเพื่อประโยชน์ตัวเอง รัฐบาลพยายามแสดงจุดยืนและพิสูจน์ว่า ไม่ใช้ความรุนแรงและไม่คิดปราบปรามการชุมุนม แต่ชุดข้อมูลที่คลาดเคลื่อนที่ทำให้หลายคนที่จะมาชุมนุมนั้นเชื่อมั่น ตรงนี้ทำให้การบริหารจัดการยากขึ้น เช่น คลิปเสียงวีดีโอ บางคนที่มาชี้หน้าด่าตน บางคนส่งจดหมายมาด่าตนที่บ้าน บางคนโทรศัพท์มาด่าตนที่เปิดเผยพอสมควร หลายคนเชื่อเรื่องคลิปเสียงวีดีโอนั้นเป็นจริง หากตนได้รับฟังก็จะเชื่อและจะมาชุมนุม ตรงนี้มันท้าทายมาก อย่างไรก็ตามตนขอฝากสื่อมวลชนด้วย เพราะ 2 - 3 วันนี้มีการขยายผลกับการที่ปล่อยข่าวว่ารัฐบาลขึ้นบัญชีดำบางคน ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง และหลายคนเชื่อสื่อบางสื่อที่ไม่ทราบว่าเป็นสื่อเทียมหรือไม่ หากเป็นแบบนี้สังคมไทยจะล้มละลาย หากให้การสร้างความเท็จที่นำไปสู่ความรุนแรงทำลายความสงบสุขและสถาบันของประเทศ แต่ตนเชื่อมั่นความถูกต้อง เหตุผล และความดีที่สังคมไทยสะสมไว้จะชนะในที่สุด