ตั้งคณะทำงานศึกษากรณีคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท โดยให้สำนักคดีการเงินการธนาคารเป็นทีมวิเคราะห์ สามารถรื้อคดีใหม่ได้หากมีหลักฐาน หรือพบการกระทำผิดเพิ่ม....
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าววานนี้ (2 มี.ค.) ถึงมติคณะรัฐมนตรีที่สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาคำพิพากษา
ก่อนดำเนินคดีสั่งฟ้องในทางอาญาและทางแพ่งว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะปฏิบัติตามคำสั่งของมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยจะนำคำพิพากษาของศาลมาศึกษาอย่างละเอียดว่า จะพบความผิดในกรณีใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษ เช่น ความผิดตามพ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ คดีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน คดีความผิดเกี่ยวกับภาษีอากร คดีความผิดเกี่ยวกับการฮั้วประมูล เมื่อศึกษาคำพิพากษาอย่างดีแล้วจะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท ว่า คดีดังกล่าวถือว่าได้สิ้นสุดทางคดีไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม สามารถที่จะรื้อฟื้นคดีใหม่ได้ หลังจากที่ดีเอสไอได้ทำการศึกษาคำพิพากษาเพิ่มเติมแล้ว หากตรวจสอบพบว่ามีหลักฐานใหม่ หรือพบการกระทำผิดกรณีต่างๆ เพิ่ม ก็สามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้
นายธาริต กล่าวด้วยว่า ส่วนสำนวนเก่าที่นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีดีเอสไอ
เคยสั่งสำนวนให้อัยการ แต่ไม่ได้สั่งฟ้องนั้น ก็จะนำมาศึกษาเพิ่มเติมประกอบกับคำพิพากษาด้วยเบื้องต้น ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว โดยมอบหมายให้สำนักคดีการเงินการธนาคารเป็นทีมวิเคราะห์ความผิดตามข้อกฏหมายต่างๆ นอกจากนี้ จะประสานกับทางอัยการและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ดีเอสไอพร้อมขยายผลคดียึดทรัพย์ “ทักษิณ”
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!