พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ทอล์ก อะราวด์ เดอะเวิลด์" ซึ่งออกอากาศผ่านเว็บไซต์ทักษิณไลฟ์ (www.thaksinlive.com) ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม "พีเพิล ชาแนล" เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ในวันพรุ่งนี้ (26 กุมภาพันธ์ ศาลฎีกานัดพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท) เป็นวันสำคัญในชีวิตของผมและประวัติศาสตร์การเมืองไทย
แต่ผมยังออกรายการปกติอยู่ สมัยผมเป็นนายกฯ จัดรายการนายกฯทักษิณพบประชาชนไม่เคยขาด แม้จะป่วยหรืออยู่บนเครื่องบิน ก็ชอบจัดรายการสด น้อยครั้งที่จะอัดเทป ทั้งนี้วันนี้ผมไปยูเออี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เผอิญว่า พระบิดาของชีคท่านหนึ่ง สิ้นพระชนม์ ก็ต้องไปร่วมงานแสดงความเสียใจกับเวลาที่ต้องออกอากาศ จึงต้องอัดเทปไว้"
ในวันพรุ่งนี้ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไรผมก็ยังพบพี่น้องในรายการนี้เหมือนเดิมเพื่อจะให้สื่อมวลชนที่มาสัมภาษณ์ก็นั่งฟังรายการนี้ ก็ยังออกอากาศต่อ
หากถูกปิด ท่านก็ต้องช่วยตัวเอง ผมยังให้ความจริงทางช่องพีเพิลชาแนลอยู่ และก็ไม่รู้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดียึดทรัพย์และทางอัยการ โดยการบังคับของ คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ที่ขอศาลให้เปลี่ยนอายัดเป็นยึด เราได้ร้องค้านไปไม่รู้จะออกอย่างไร
แต่ดูเหมือนรัฐบาลจะรู้หรือแทรกแซงศาลก็ไม่รู้ เพราะนายสาทิตย์ (วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี)
ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังศาลมีคำพิพากษารัฐบาลได้เตรียมการประสานช่อง 11 วิทยุชุมชน กอ.รมน. 4,000 คลื่น เพื่อที่จะถ่ายทอดสด และหลังจากนั้นจะเชิญนักการด้านกฎหมาย คตส.มารุมสกรัมผม สรุปแล้วปิดประตูตีแมวหรือไม่ ย้ำอีกครั้งไม่ใช่แมวจะทำอะไรก็ทำ เพื่อให้รู้ว่าไม่ค่อยชอบมาพากลบ้านเมืองนี้
วิงวอนสุดท้ายก่อนพิพากษา แม้ว อ้อนขอศาลเมตตา
ผมฝากความหวังไว้ที่กระบวนการยุติธรรมว่าชัดเจนเหลือเกินว่าเงินทองที่ครอบครัวมีมาก่อนเล่นการเมืองหวังว่าศาลจะให้ความเมตตาเรื่องนี้
ผมไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ผมอาจโดนอะไรไม่รู้ แต่เราต้องเคารพศาลอย่าเพิ่งไปวิจารณ์ แต่รัฐบาลวิจารณ์นำหน้าไปแล้วรู้ว่าจะโดนยึด บอกว่าเหมาะสมที่จะต้องยึด ทั้งที่รัฐบาลรู้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้มีมาก่อนเป็นนักการเมือง อยากจะบอกว่าผมเป็นคนโดนกลั่นแกล้งแท้ๆ ยังเก็บอาการอยู่ แต่คนแกล้งเขาเก็บอาการไม่อยู่ ต้องถามว่าเป็นผู้ชายหรือไม่
พี่น้องไม่ต้องไปศาล เพราะผมไม่ได้ไป ครอบครัวไม่ได้ไป ฟังอยู่ทางบ้าน รัฐบาลมีเครือข่ายให้ฟังเยอะ แล้วนั่งฟังแล้วด้วยสันติ
ไม่ว่าเกิดอะไร การเรียกร้องต้องมีต่อ เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยด้วยสันติ และใช้กระบวนการด้านรัฐสภา และสิทธิเสรีภาพของประชาชนอันจะเรียกร้องตามประชาธิปไตย น่าเสียใจทำให้บ้านเมืองแย่ทุกวัน แทนที่เข้ามาปรองดองกลับเข้ามาตอกย้ำให้ย่ำแย่ไปกว่าเดิม หากให้สันติสงบ ต้องบอกพี่น้องว่าขณะนี้ความขัดแย้งการเมือง คนมาเป็นรัฐบาลอาศัยกรอบของฝ่ายรัฐบาลเพื่อประโยชน์สุขประชาชน แต่ถ้าเอากรอบรัฐบาลทำร้ายประชาชน
วัฒนธรรมชีวิตของผมมาจากภาคธุรกิจเรื่องหุ้น บางครั้งก็ต้องใช้ญาติพี่น้องบ้าง พอมาเป็นการเมืองมันต้องเป๊ะๆๆ ผมจึงต้องใช้คำว่า บกพร่องโดยสุจริต ไม่มีเหตุผลที่จะปกปิด เพราะไม่รู้จะอายทำไม หาว่าผมฟอกเงิน ก็เงินสุจริต ทำไมต้องฟอก แต่มันก็กล่าวหา โดยใช้คำพูดคมๆ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เหมือนนินทาคนตาย นายประเสริฐ นาสกุล (อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ) แกโกรธผม ผมก็ไม่รู้
ตอนหลังผมรู้ มีคนเล่าให้ผมฟัง ผมด่าแทบตาย คือมีคนไปล็อบบี้อ้างเป็นญาติส่วนตัว มิน่า ทำไมท่านถึงโกรธ แล้วก็คดีวันนั้น ก็มีการกล่าวหากันว่าผมจ่ายสินบนให้ศาล สาบานได้ ให้ฉิบหายตายห่า ผมไม่ได้จ่ายใครเลย ผมถือว่า เมื่อผมไม่ได้ทำผิด จะเอาเงินไปจ่ายศาล ผมจะทำทำไม ไม่เหมือนคณะปฏิวัติ ทำผิดแล้วต้องทำต่อไปจนชนะ
ผมสาบานผมไม่เคยจ่าย มีคนบอกวิ่งเต้น ผมบอกว่าไม่ทำ เพราะผมอาสาประชาชนทำหน้าที่นายกฯ
ถ้าผมถูกออกไปถือว่าไม่เป็นไร ที่ทำหน้าที่ได้ดิบได้ดีจากแผ่นดินนี้ แล้วกระบวนการไม่ให้ทำ ผมก็ออกไป ทำไมผมต้องวิ่งเต้น บางคนส่งคนมาคุยให้ผม ผมไม่คุยด้วย เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เงินสะอาดไม่ต้องฟอก ฉะนั้นเป็นสิ่งที่ผมได้ยืนยันโดยบริสุทธิ์สู้แบบดื้อๆ แบบนี้หลับตาชัดเจน เงินหามาชีวิตทำไมเงินต้องไปซ่อน
ผมเชื่อว่าวันนี้ยืนยันความบริสุทธิ์และมั่นใจว่าทุกอย่างยุติธรรมเงินที่ทำมาหากินในชีวิต เงินของลูกบรรลุนิติภาวะ ไม่ได้เล่นการเมืองคงไม่ถูกการเมืองรังแกถ้ารังแกก็ขอรังแกแค่ผมเท่านั้น
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรวันพรุ่งนี้ ก็ขอให้รู้ว่า ผมยังเป็นคนเดิมที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย และความเป็นธรรมของสังคมไทยต่อไปเพื่อความผาสุกของพี่น้องทั้งประเทศ และแน่นอนว่าด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์