แม้วงดโฟนอินอ้างมีผลต่อรูปคดียึดทรัพย์

คมชัดลึก :"ทักษิณ ชินวัตร" ทวิต ยันเงินทั้งหมดที่มีหามาด้วยหยาดเหงื่อ พร้อมงดโฟนอินทุกเวที อ้างมีผลต่อรูปคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี วานนี้(25ก.พ.) เวลา 18.00 น. นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร

จัดเวทีปราศรัย “โหมโรง โค่นอำมาตย์ ล้มรัฐบาล ล้างบางองค์กรอิสระ 2 มาตรฐาน“ ที่สนามทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุดรธานี โดยมีคนเสื้อแดงอุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมชุมนุมประมาณ 4,000 คน โดยมีนายวิเชียร ขาวขำ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมชุมนุมด้วย

นายขวัญชัย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีการทำงานรัฐบาล และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี สลับกับการร้องเพลง

และการบริจาคเงินของคนเสื้อแดง เพื่อสมทุบทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพ วันที่ 12 มีนาคม โดยมีผู้บริจาคสม ทบทุนเดินทางตลอดเวลาที่มีการปราศรัย ส่วนนายวิเชียร ขาวขำ ขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หนีทหาร และไม่แต่งตั้งผบ.ตร. ทำให้ตำรวจทั้งประเทศเสียหาย และชักชวนให้ตำรวจทั่วประเทศแจ้งความดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ที่ไม่แต่งตั้ง ผบ.ตร. รวมถึงเรื่องสภาล่ม ที่เกิดจากรัฐบาลไม่ยอมให้กระทู้ที่ตั้งเรื่อง “การขอตั้งคณะกรรมาธิการต่อต้านการปฏิวัติ” ทำให้สภาล่มอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นเป็นการสลับการปราศรัยของนายเวียง วรเชษฐ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด กระทั่งเวลา 21.55 น. นายขวัญชัย ขึ้นเวทีประกาศบอกกับผู้ชุมนุมว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

วันนี้ไม่สามารถโฟนอินหรือวีดีโอลิงค์กับพี่น้องเสื้อแดง ที่เปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศได้ รวมทั้งที่ จ.ชาวอุดรธานี เพราะได้รับการทักท้วงและชี้แนะ จากผู้ใหญ่หลายฝ่ายว่า ไม่น่าจะเหมาะ กับการออกมาโฟนอินก่อนการอ่านคำพิพากษา และขออวยพรให้ชาวอุดรธานี มีสุขภาพ พลานามัยร่างกายที่แข็งแรง และโอกาสหน้าจะโฟนอินมาพูดคุยกับพี่น้องชาวอุดรธานีอีก

จากนั้นนายขวัญชัย เชิญนายสุทิน คลังแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ขึ้นปราศรัยกับชาวอุดรธานี

ขณะที่ พล.ต ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธฯแดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่เดินทางมาถึงท่ามกลางคนเสื้อแดงที่แห่มาถ่ายรูปและขอลายเซนต์ โดยผู้ชุมนุมต่างไม่ยอมเดินทางกลับ เนื่องจากต้องการฟังเสธ.แดงปราศรัย ที่เวทีแห่งนี้ ต่อมาเวลา 23.00 น. พล.ต.ขัตติยะ กล่าวปราศรัยโดยไม่ยอมขึ้นเวที แต่ยืนพูดอยู่ด้านล่างหน้าเวที โดยกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมตรี ในเรื่องต่างๆ โดยระบุว่าตนเคยเป็นลูกน้องมาตั้งแต่สมัยเป็นร้อยตรีใหม่ จนเมื่อมาถึงวันที่ 19 กันยายนมีการปฏิวัติ ตนทราบว่าเป็นการปฏิวัติให้ระบบอำมาตยาธิปไตย ได้แต่งตั้งรัฐบาลขึ้นมา มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่มาใช้ รวมถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่ตั้งขึ้นมารับใช้ระบบอำมาตยาธิปไตย มีการแต่งตั้งทหารระดับสูงที่เป็นคนของตนเองมารับใช้

นอกจากนี้ยังกล่าวโจมตีนายสนธิ ลิ้มทองกุล หน.พรรคการเมืองใหม่ว่า ไม่มีสิทธิที่จะมาชุมนุมอะไรอีกแล้ว

เพราะตัวเองไม่ได้หมดสิทธิเรียกร้องประชาธิปไตยไปแล้ว ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ที่ผ่านมามีคนจะลอบฆ่าแล้วหลายครั้ง แต่รอดมาได้ โดยเฉพาะที่ดักยิงบนรถครั้งนั้น เขาต้องการลองกระสุนเท่านั้น นอกจากนี้ พล.ต.ขัตติยะฯ ยังเล่าเรื่องต่างๆ ที่เวทีปราศรัย ที่สร้างความสนใจต่อผู้มาร่วมชุมนุม โดยใช้เวลาปราศรัยกว่า 2 ชั่วโมง