นายกฯสั่ง รองนายกฯสุเทพ เกาะติดความเคลื่อนไหวเสื้อแดง เผย 26 ก.พ. จะไม่หยุดงานฟังคำพิพากษา-ไม่ซุกเซฟเฮ้าส์ แนะสื่อเผยแพร่คำพิพากษาให้ประชาชนรู้ เชื่อเมื่อชาวบ้านเข้าใจ ทุกอย่างเดินหน้าได้
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์กรณีแกนนำคนเสื้อแดงสั่งระดมพลชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) วันที่ 14 มี.ค.ว่า
สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ได้ติดตามสถานการณ์ช่วงนี้อย่างใกล้ชิดและมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ระบุว่าจะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมนับล้านคน นั้น ยังไม่ทราบ เช่นเดียวกับกรณี นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรระบุว่าจะนำรถกระบะนับแสนคันเข้ากทม.ด้วยและอาจส่งผลถึง การจราจรติดขัด คงต้องมีการประเมินอีกครั้งว่าจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เป็นเรื่องของแกนนำบางส่วนที่ประกาศไว้ ก็ว่ากันไป
เมื่อถามว่า ต้องปรับแผนรับมือหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวจะดูจากการข่าวและสถานการณ์จริง
เมื่อถามอีกว่า ดูเหมืือนว่าขณะนี้รัฐบาลนิ่งนอนใจเกินไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจใดๆทั้งสิ้นและมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในภาวะตื่นตระหนกหวาดระแวงตลอดเวลา ทุกคนมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองและเราจะดูเหตุการณ์ที่น่าสนใจในวันที่ 26 ก.พ. ต้องดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยและผ่านพ้นไป เมื่อถามต่อว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝันในวันที่ 26 ก.พ.จะมีการเตรียมแผนรองรับอะไรไว้บ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเตรียมไว้อยู่แล้วและพยายามไม่ให้เกิดอะไร เมื่อถามอีกว่า จะมีการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีเพราะจะใช้กฎหมายพิเศษ ต่อเมื่อมีความจำเป็นแต่ในชั้นนี้ยังไม่มีความจำเป็น เมื่อถามว่า สถานะของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ (คตม.) จะต้องลากยาวไปหลังวันที่14มี.ค .หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องให้นายสุเทพทบทวนว่ามีความจำเป็นหรือไม่
ปัดซุกเซฟเฮ้าส์ นายกโชว์แมน ทำงานปกติ26กพ.
ต่อข้อถามว่า คนเสื้อแดงชุมนุมในวันดังกล่าว ตรงกับกำหนดการเดินทางไปเยือนออสเตรเลีย ของ นายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเลื่อนการดินทางออกไปหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูตามความจำเป็นและในอดีตนั้นเมื่อมีการชุมนุมใหญ่ตนก็เคยปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ หากไม่มีประเด็นใดพิเศษ เมื่อถามว่า การชุมนุมครั้งนี้แตกต่างกับการชุมนุมในหลายครั้งที่ผ่านมา หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอว่าคนไทยควรมีสติในช่วงนี้
คำพูดนี้คล้ายว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนไปให้ความสนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคดีนี้ มันเป็นธรรมดาเพราะหลายฝ่ายให้ความสนใจตรงนั้นและต้องดูแลไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่ควรจะเกิด เมื่อถามว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เสนอว่าควรจะมีรายการให้ความ รู้กับประชาชนในคดีนื้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันก็มีรายการและบุคคลที่ให้ความเห็นอยู่แล้วและค่อนข้างจะมีมาก ตนเห็นว่าข่าวสารในเรื่องนี้ก็มีมาก
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 26 ก.พ.ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งคดี และ ยังไม่ทราบผลการตัดสินว่าเป็นเช่นใดและปฏิกริยาของฝ่าย ต่างๆจะเป็นอย่างไร
แต่ต้องจับตาในแง่ความเคลื่อนไหว มีหน้าที่ในการรักษาความเรียบร้อย ตนคิดว่ามันคงผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย เมื่อถามอีกว่า ในวันที่ 26ก.พ.นายกรัฐมนตรีต้องหลบไปในเซฟเฮ้าส์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนปฏิบัติภารกิจตามปกติไม่มีอะไรและไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตน มันเป็นเรื่องคำพิพากษาของศาลในคดีที่ไม่เกี่ยวกับตนเลย และตนไม่หยุดงานเพื่อฟังคำพิพากษาจะทำงานตามปกติ เมื่อถามว่า ประชาชนเป็นห่วงว่าประเทศไทยจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่ครับผมคิดว่ามันอยู่ที่คนไทย ประเทศเป็นของทุกคนหากทุกคนตั้งอยู่บนความสงบยอมรับกระบวนการต่างๆประเทศไทย ก็จะผ่านเหตุการณ์นี้ไป ผมคิดว่ามันจะดีขึ้นในสายตาของทุกฝ่ายเพราะเท่ากับว่าเราสามารถรักษาระบบของเราและสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ที่บางคนมองว่ายาก"
ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงการสร้างสถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นห่วงว่าอาจมีบางฝ่ายที่คิดทำอะไรที่ไม่ดีและเป็นหน้าที่ รัฐบาลที่ต้องดูแลไม่ให้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า อาจจะมีการจุดชนวนที่อาจนำไปสู่การปะทะกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปคาดการณ์อะไรล่วงหน้า ต้องดูตามความเป็นจริงของสถานการณ์และยังคาดเดาไม่ได้ว่าปฏิกริยาจะเป็น อย่างไรและยังไม่รู้เลยว่าผลการตัดสินคดีจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างต้องรอดูว่ามันจะมีปฏิกริยาอะไรหรือไม่ แต่อยากให้ทุกฝ่ายเผยแพร่คำพิพากษาเพื่อให้ประชาชนรับทราบ เชื่อว่าเมื่อได้รับทราบเหตุผลแล้วจะมีการยอมรับทุกอย่างก็จะเดินต่อ ไป เมื่อถามว่า รายละเอียดของคดีนี้ที่เป็นเรื่องของหุ้นนั้นมันเป็นเรื่องยากที่ประชาชนเข้าใจได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ระยะหลังตนสังเกตว่าคดีสำคัญๆศาลค่อนข้างจะแจกแจงละเอียดมากในคำพิพากษาเกือบทุกประเด็น