รองนายกฯสุเทพ ปัดรบ.ผวาไม่กล้าแตะกองทัพสอบทุจริตซื้อจีที 200 อ้างยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน นั่งรอใครมีหลักฐานขอให้ส่งมา ยืนยันตัวผู้ใช้เป็นคนขอซื้อ ไม่ใช่เรื่องข้างบนสั่งลงไป...
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเหตุระเบิดที่จุดรักษาความปลอดภัยในตลาด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
เนื่องจากเครื่องจีที 200 ทำงานไม่ได้ผล ว่า กรณีระเบิดกับเครื่องมือคงต้องแยกกัน ก่อนเกิดเหตุมีระเบิดก็ไม่มีเครื่องมือ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องใช้การสังเกต และการข่าวก็ เสี่ยง ต่อมา มีผู้มาเสนอว่ามีเครื่องมือที่นำไปทดลองใช้แล้วใช้ได้ผล หน่วยปฏิบัติก็ขอมานำไปใช้ ตนลงไปตรวจพื้นที่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่า ใช้ได้แต่อาจมีข้อผิดพลาดไม่สมบูรณ์ เมื่อมีผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ก็ได้ลงไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบว่า ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร
รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดเหตุระเบิดที่ อ.โคกโพธิ์ เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น
หลังจากลงพื้นที่เมื่อวันที่ 19 ก.พ. แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้นำเครื่องไฟโด และเซเบอร์ มาสาธิตให้ดู แต่เครื่องมือที่ว่านี้ต้องเข้าไปตรวจสอบในจุดใกล้ระเบิดจริงๆ จึงจะบอกได้ว่าเป็นระเบิดหรือไม่ ดังนั้นการตรวจสอบจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ต้องเดินไปตามหมู่บ้าน หรือ ตามถนนเพื่อคุ้มครองครู เครื่องมือดังกล่าวก็ไม่สามารถบอกได้ในระยะไกล เมื่อจีที200 ใช้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องหาเครื่องมืออื่นมาช่วยเจ้าหน้าที่
เทือกปัดหงอกองทัพ ไม่กล้าแตะ สอบทุจริตจีที200
นายสุเทพ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวอยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
เมื่อกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเจ้าหน้าที่จะน้อยอกน้อยใจได้ในฐานะผู้เสี่ยงชีวิต เมื่อถามว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้ แต่กองทัพกลับให้ใช้ด้วยความระมัดระวัง เกิดผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่แล้วใครจะรับผิดชอบ นายสุเทพ กล่าวว่า อยากเรียนว่า ผู้ที่ขอซื้อเครื่องจีที 200 คือ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและฝ่ายผู้บังคับบัญชาตั้งตัวเป็นศัตรูกันและยืนคนละข้างแล้วมาซัดกัน ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด เมื่อไม่ใช้ก็ไม่ใช้ เมื่อไม่ใช้ก็ตรวสจสอบยากจนเกิดเหตุระเบิดขึ้น เมื่อไม่ใช้ก็ไม่มีเครื่องมือตนก็หนักใจ พอลงพื้นที่เจ้าหน้าที่ก็พูดถึงเรื่องนี้กันมาก
รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่าคนที่ร้องขอมาเป็นคนทำงานในพื้นที่
ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนระดับเจ้าหน้าที่ก็ขอเพิ่ม เนื่องจากชุดลาดตระเวนมีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อช่วยไม่ได้ก็ต้องหยุดใช้ ส่วนที่กองทัพบกออกมาแถลงประกาศความชอบธรรม ทั้งที่ผู้บังคับบัญชาเองจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อหาสิ่งที่ถูกต้องนั้น ไม่ใช่ พูดอย่างนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ตัวเองได้ติดตามการแถลงข่าวของกองทัพ เป็นเพียงการชี้แจงที่มาว่าเป็นอย่างไร และวีธิการใช้ ไม่ได้ขัดใจกับรัฐบาล แต่สื่อมวลชนไปตีความเอาเองว่าเป็นการแข็งข้อกับรัฐบาล ไม่เป็นความจริง กองทัพต้องฟังรัฐบาล
นายสุเทพ กล่าวต่อถึงสาเหตุที่กองทัพไม่หยุดใช้จีที 200 เพราะเกรงว่ากระบวนการตรวจสอบการทุจริตจัดซื้อจะเริ่มต้นว่า การตรวจสอบกระบวนการทุจริตถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่าเอามาโยงกัน
เพราะมีแต่ของที่ใช้ได้มีคุณภาพ หากมีการทุจริตก็ต้องตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่อบินหรืออาวุธอื่นๆ หากเห็นว่ามีการทุจริตเมื่อมีคนร้องเรียนมาก็ต้องตรวจสอบ ส่วนที่มองว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดแข็งเรื่องการตรวจสอบการทุจริต แต่กับกองทัพกลับกล้าๆ กลัวที่จะตรวจสอบนั้นไม่จริง เพราะทั้งหมดยังไม่ปรากฏหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ให้เห็นว่ามีการทุจริตในการจัดซื้อ ใครมีหลักฐานก็ยื่นมาได้
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้มีคำอธิบายมากมาย หากตนชี้แจงไปก็จะหาว่าเป็นการแก้ตัวแทน
ดังนั้นใครมีหลักฐานมีข้อสงสัย มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตก็ส่งมาที่ตนได้ ตนจะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้ อย่างไรก็ตามผลสรุปก็ชัดเจนอยู่แล้วทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ใช่เรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่จะมาสั่งว่าห้ามใช้ การใช้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ต้องพิจารณาเอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงไปชี้แจงในพื้นที่ เพราะคนใช้กับยคนพิสูจน์ก็ยังถกเถียงกันอยู่ สังคมต้องใจเย็น ยืนยันว่าผู้ใช้เป็นคนขอซื้อ ไม่ใช่เรื่องข้างบนสั่งลงไป