ปชป.ชี้ ทักษิณดิสเครดิสศาล เพราะแทรกแซงไม่ได้

ปชป.ปูดเครือข่าย “ทักษิณ”ส่งข้อมูลคาดเคลื่อนแจ้งสื่อต่างชาติเตือนเข้าไทย ช่วงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ หวังดิสเครดิตศาล เพราะแทรกแซงไม่ได้ ...

น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีรัฐบาลหลายประเทศได้ประกาศแจ้งเตือนพลเมืองของแต่ละชาติให้ระมัดระวังการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงนี้ว่า

การประกาศดังกล่าวกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศไทยโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวกลับมาดีในช่วงปีที่ผ่านมา แต่กลับต้องมาชะลอตัวชั่วคราวเพราะเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กดดันรัฐบาลและสถาบันศาล ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนแนวทางของรัฐบาลที่จะรักษาความเชื่อมั่นไว้ จากการสอบถามไปยังสื่อต่างประเทศ พบว่า มีการส่งข้อมูลผ่านไปยังรัฐบาลประเทศต่างๆ โดยเครือข่ายของผู้ดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมืองและเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อน 

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ 1.คือเรื่องของความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลางเมืองหรือสงครามประชาชน

ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้ ไม่มีมวลชนจำนวนมากที่สนับสุนแนวทางการเกิดสงครามกลางเมืองแน่นอน การให้ข่าวดังกล่าวถือเป็นการโจมตีทำร้ายประเทศไทย ลดทอดความน่าเชื่อถือ อยากให้รัฐบาลตรวจสอบแหล่งที่มาให้กระจ่างชัดว่า ผู้ที่ต้องไม่ต้องการให้เกิดความสงบเป็นคนส่วนน้อยที่อาจจะเตรียมการทำวิธีการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ก่อความวุ่นวายหรือก่อการจลาจล ซึ่งประชาชนไม่สนับสนุนความรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเดือนเม.ย. 2552 หรือสงกรานต์เลือด ที่ผ่านมา โดยอาจจะมีผู้ก่อการบางส่วนกระทำการบางอย่างเหมือนที่เคยเผา สน.นางเลิ้ง ในเหตุการณ์เดือน พ.ค. 2535 และ

2. การปล่อยข่าวลือผ่านสื่อต่างประเทศ โดยระบุว่าจะมีการรัฐประหารในไทย จากเครือข่ายเดียวกัน

โดยมีสื่อบางสำนักรายงานว่า มีการขนย้ายกำลังทหารออกจากรม กอง ออกมาสู่ถนนต่างๆ และมีการติดอาวุธ ซึ่งไม่เป็นความจริง ถือเป็นการปลุกระดมให้ประชาชนปฏิเสธกองทัพ ซ้ำยังมีการพาดพิงถึงสถาบันองคมนตรีที่กระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอสนับสนุนรัฐบาลให้เร่งทำความเข้าใจต่อรัฐบาลนานาชาติที่จะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเพื่อการทำร้ายประเทศไทยจากกลุ่มคนที่ไม่หวังดีและเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในขณะนี้

น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า นอกจากนี้ จากจากการที่แนวร่วมฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ได้ออกมาแสดงความตั้งใจในการจัดตั้งกองทัพประชาชนเพื่อที่จะเคลื่อนไหวใต้ดินจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามพฤติกรรมเหล่านี้เป็นหลัก จำเป็นต้องดูพฤติกรรมและความเชื่อมโยงต่อเนื่อง หากจะมีการดำเนินการก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการเตรียมการประเมินสถานการณ์ที่คาดว่าจะเผชิญกับ สถานการณ์ก่อนและหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท คือ

1.ใช้ยุทธศาสตร์ป่าล้างเมือง โดยการเดินทางจากชนบทด้วยยานพาหนะเข้ากรุงเทพมหานคร มีการกดดันปิดเส้นทางสัญจร ซึ่งมีเตรียมการป้องกันการปิดทางสัญจร หากมีการเดินทางมาชุมนุมเพื่อปิดสี่แยกสำคัญ

2.แนวทางการยั่วยุเพื่อให้เกิดปะทะกัน รัฐบาลก็ได้วางแนวทางที่จะไม่ติดอาวุธ แต่จะใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนที่เป็นสากลและจะไม่มีความรุนแรงจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว โดยรัฐบาลจะไม่โต้ตอบการใช้กำลัง ซึ่งนายกฯได้ยืนยันว่าจะไม่เกิดความรุนแรงจากฝ่ายรัฐบาล

3.อาจจะมีการเผชิญหน้ากันด้วยสร้างมวลชนที่รวมตัวกันเพื่อป้องกันชุมชนของตัวเอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนให้รัฐบาลทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อไม่ให้มีการชุมนุมในเพื่อต้านการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะจะเป็นประเด็นให้ผู้เคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การปะทะกันระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

4.แนวการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตั้งด่านตรวจจับทั้งใน กทม.และปริมณฑลตามสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันจุดที่เป็นจุดเสี่ยง ซึ่งพรรคได้ประเมินว่า อาจจะมีการสร้างความวุ่นวายให้ลุกลามบานปลายจนอยู่นอกเหนือความควบคุมของรัฐบาล เพื่อทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพื่อนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวอ้างว่ากระทำการเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องความยุติธรรม แต่ที่จริงต้องการล้มรัฐบาลเตรียมการเคลื่อนไหวที่จะไม่ยอมรับคำตัดสินวินิจฉัยของศาล กล่าวหาว่ามีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า เพื่อนำไปสู่การล้มคดีที่ถูกตัดสินไปแล้ว รวมทั้งคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลและคดีที่อยู่ก่อนชั้นศาล 

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการใช้สื่อเพื่อการปลุกระดมผ่านเว็บไซต์และวิทยุชุมชน

พาดพิงสถาบันองคมนตรีและพาดพิงสถาบันสูงสุดควบคู่ไปกับการให้สัมภาษณ์สื่อข่าวต่างชาติ สำหรับการกดดันกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณได้ทวิตเตอร์ว่า ระบบยุติธรรมที่มีมาหลายชั่วคนกำลังกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ก็ต้องกลับไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่าที่พูดตรงกับพฤติกรรมที่ได้เข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ สถาบันยุติธรรม ด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองจนทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤต พ.ต.ท.ทักษิณสามารถแทรกแซงอัยการได้ แต่ไม่สามารถแทรกแซงศาลได้จนเกิดการติดสินบนในคดีที่ดินรัชดาภิเษก จนมีผู้ถูกดำเนินคดี ซึ่งสังคมต้องแยกแยะต่อคำพูดดังกล่าว