สิงคโปร์กับการเมืองไทย

จากคมชัดลึก


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดการประชุมด่วนเพื่อระดมความคิดทุกด้านจากบรรดานักการทูตของประเทศตนทั้งหลาย เพื่อหาทางออกการซื้อหุ้นชินคอร์ปของบริษัทเทมาเซค สิงคโปร์ ดูไปดูมาเรื่องนี้จะมีผลกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-สิงคโปร์ในระยะยาว

การลงทุนในไทยซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับต้นๆ เกือบเทียบเท่าญี่ปุ่น ไต้หวัน ดีไม่ดีอาจจะลามปามไปถึงความร่วมมือทางด้านความมั่นคงก็ได้ ศาลปกครองได้รับเรื่องเข้าพิจารณาเพิกถอนสิทธิของชินคอร์ป ทำให้อนาคตการซื้อขายหุ้นครั้งนี้คงไม่จบง่ายๆ


ก่อนหน้านี้ มีการยอมรับว่า การลงทุนของสิงคโปร์ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีที่ ทักษิณ ชิณวัตร เป็นผู้นำ

ทักษิณ ชินวัตร


ได้ชักจูงให้นักลงทุนจากเกาะนี้เข้ามาร่วมลงทุนกับนักธุรกิจไทยมากพอสมควร ส่วนตัวเองก็หาลู่ทางทำเงินเพื่อเตรียมการขายธุรกิจของชินคอร์ป ซึ่งต้องใช้ความสามารถและความเชื่อมั่นของผู้นำในระดับสูงเช่นกัน


สัมพันธ์ที่ดีระหว่างทักษิณกับอดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู ซึ่งเริ่มขึ้นปี 1995

ทักษิณ ชินวัตร

ตอนที่ทักษิณกำลังรวยและเริ่มเดินทางไปต่างประเทศรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศสิงคโปร์มีความเชื่อมั่นในตัวทักษิณสูงมาก

ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์มีภาพลักษณ์ของทักษิณในมิติเดียวคือ ทำธุรกิจเก่ง กล้าตัดสินใจ โดยขาดการพิจารณาอย่างถ่องแท้ถึงความตื้นลึกหนาบางของผู้นำคนนี้

ในช่วง อดีตนายกรัฐมนตรีโก๊ะ จ๊ก ตง ไทยกับสิงคโปร์เป็นเพื่อนซี้ ช่วยกันผลักดันให้อาเซียนได้รุกหน้าในความร่วมมือเศรษฐกิจ ทั้งสองยังส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการลงทุน ตอนนี้ตึกสูงๆ ในถนนสาทรใต้อยู่ในกำมือของนักธุรกิจและผู้จัดการสิงคโปร์ไปเกือบหมดแล้ว

ข้อผิดพลาดของเทมาเซค คือ เชื่อในตัวทักษิณเกินไปว่าจะสามารถคงอยู่ในอำนาจได้ต่อไปยาวนาน เพราะมีการเลือกตั้งเมื่อไรก็ย่อมชนะ ไม่ต้องพิจารณาดูปัจจัยความเสี่ยงเรื่องอื่น ประเด็นมีอยู่ว่า ถ้าผู้บริหารเทมาเซครู้เท่าๆ กับคนไทยรู้ ทางบริษัทนี้ยังอยากจะซื้อธุรกิจชินคอร์ปหรือไม่ เพราะในช่วงเวลาที่ตัดสินใจนั้นเป็นช่วงที่ล่อแหลมพอดี

อีกไม่นานคงมีการเช็คบิลบริษัทเทมาเซคในระดับสูง เพราะผิดพลาดขนาดนี้จะไม่รับผิดชอบอย่างไร แต่ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะตระกูลลียังกุมบังเหียนของประเทศ และบริษัทภรรยาของนายกรัฐมนตรีลี เซียน หลง ชื่อโฮชิง เป็นประธานซีอีโอของเทมาเซคเสียด้วย

แน่นอนเทมาเซคมีกองเงินการลงทุนมหาศาลในเอเชีย การซื้อชินคอร์ปนั้นใช้เงินเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของกองทุนทั้งหมด นับว่าน้อยมาก

รัฐบาลชั่วคราวต้องหาทางออกให้ดี เพื่อให้มีผลกระทบกระเทือนที่น้อยที่สุดต่อบรรยากาศการลงทุนในไทยและในความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งสิงคโปร์ด้วย เพราะที่ผ่านมาสิงคโปร์ใช้ไทยเป็นหน้าด่านการลงทุนในเอเชียอาคเนย์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์