โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนารับ สัมพันธภาพพรรคร่วมรัฐบาลมีแรงกระเพื่อมจริง ปัดเดินสายดัน"เสธหนั่น"นั่งนายกรัฐมนตรี ระบุไม่แปลก"บรรหาร"ดอดเข้าพบเพื่อนเก่า....
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.53 นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา
เปิดเผยถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีตนายกฯ ไปหารือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อพลิกขั้วรัฐบาล โดยเตรียมผลักดัน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
โดยนายวัชระ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีข่าวนี้ได้อย่างไร และไม่สามารถตอบแทนนายบรรหารได้ว่าจริงหรือไม่
อย่างไรก็ดี นายบรรหาร ซึ่งถือว่า เป็นเสาหลักของบ้านเมือง การที่จะมีบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใดจากพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด ไปเข้าพบหารือ หรือขอคำแนะนำก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีการพลิกขั้วหรือไม่นั้น ในทางทฤษฎีการเมืองนั้นอะไรที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่นเดียวกับการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ที่เกิดขึ้นเพราะมีการพลิกผัน การเมืองไทยในช่วงนี้ก็คงยังมีแรงกระเพื่อม และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เท่าที่ฟังจากนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังไม่เห็นว่ามีสัญญาณอะไรที่ชัดเจน และในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังพอใจที่จะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินได้หรือไม่ว่าขณะนี้เสถียรภาพและสัมพันธภาพของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคแกนนำขณะนี้อยู่ในระดับใด
นายวัชระ กล่าวว่า หากพูดถึงเสถียรภาพ ยืนยันว่าถ้าดูจากตัวเลขซึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาล ต้องบอกว่าสามารถอยู่ได้จนครบวาระ แต่ถ้าเป็นเรื่องสัมพันธภาพก็ยอมรับว่ามีแรงกระเพื่อมอยู่เป็นระยะ เช่น กรณีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะแม้ทุกฝ่ายจะออกมายืนยันว่าให้เป็นเรื่องของสภาฯ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส.ส.ที่ยื่นญัตติและไม่ยื่น ต่างก็สังกัดในนามพรรคการเมือง ดังนั้นในแง่ความรู้สึกย่อมมีปัญหาบ้าง ก็ต้องใช้เวลาแก้ไข
"ปัญหานี้เปรียบเหมือนปัญหาผัวมีเมียหลายคน โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นผัว มีพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเมีย ปกติบรรดาเมียๆ จะตีกัน แต่ครั้งนี้ต่างกันตรงที่เมียๆ สามัคคีกัน แต่ดันไปมีปัญหากับญาติผู้ใหญ่ของผัว ผัวก็เข้าข้างญาติและฟังญาติผู้ใหญ่ จึงอยากบอกให้ผัวเลิกเป็นลูกแหง่ จึงเห็นว่าผัวเองก็ต้องเป็นผู้นำและหันมาเอาใจเมียบ้าง ฟังญาติผู้ใหญ่ให้น้อยลง เพราะตอนี้เป็นการสร้างครอบครัวใหม่แล้ว"นายวัชระ กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาประกาศว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะได้ส.ส.กว่า 240 ที่ นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่ตื่นเต้นกับจำนวนที่นั่งที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศ
แม้ว่าในใจจะมีการตั้งคำถามเรื่องของผลโพลหลายสำนักที่ออกมาขัดกับที่เขา ประกาศ แต่ก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าไม่มั่นใจว่าจะคุมรัฐบาลนี้ต่อไปได้ จนครบวาระ และส่งสัญญาณให้กับพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งฝ่ายค้านรับรู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็หวั่นเกรงสถานการณ์การเมือง ในขณะนี้ จนอาจจะนำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนาเอง ก็พูดเรื่องความพร้อมของพรรคมานานแล้วเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าเขาจะบอกว่าได้มากน้อยกี่ที่นั่ง สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาก็ยังเชื่อว่า การเมืองในยุคนี้ พรรคการเมืองขนาดเล็ก และพรรคการเมืองขนาดกลาง ก็ยังมีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อไปอีกนานในการจัดตั้งรัฐบาล