อุ้ม GT200! ทดแทนคุณทหาร

....ถ้าเป็นคนขยันที่แท้จริง จะต้องขยันในทุกเรื่อง ไม่ใช่เลือกเรื่องที่จะขยันถ้าเป็นรัฐบาลกระตือรือร้นในเชิงสร้างสรรค์ ประเทศชาติก็คงจะก้าวหน้าไปได้พรวดๆแต่ปัญหาก็คือ หากเจอประเภท ขยันหาเรื่อง กระตือรือร้นเพื่อแสวงผลประโยชน์ แบบนี้ประเทศชาติพังแน่เห็นได้ชัดว่า ในขณะที่รัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามสร้างภาพความเป็นนายสะอาด เป็นรัฐบาลสะอาด แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาสู่ประชาชน กลับกลายเป็นภาพตรงข้าม...รัฐบาลมอมแมม กระดำกระด่าง เต็มไปด้วยกลิ่นโฉ่ฉาวคาวทุจริตในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เองก็เต็มไปด้วยความดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก...แต่เป็นหลักลอย ที่หามาตรฐานอะไรมาวัดไม่ได้ เพราะ 2 มาตรฐานไปหมดทุกเรื่อง หากเกี่ยวกับการทำลายล้างและการเอาชนะคะคานทางการเมืองไม่ต้องเอ่ยอ้างถึงพรรคเพื่อไทย หรือยิ่งไม่ต้อง


พูดถึงกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองแท้ๆ ยังพูดชัดเจนมาแล้ว เมื่อถูกพรรคประชาธิปัตย์หักหลังในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ“พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”“เขียนด้วยมือ แต่ลบด้วยเท้า”จริงๆ ถ้าไม่มีผลประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีเกาะเกี่ยวยึดโยงเอาไว้ ป่านนี้รัฐบาลแตกโพล๊ะไปเรียบร้อยโรงเรียนมาร์คแล้วฉะนั้นหากความรู้สึกและมุมมองของประชาชน จะสะท้อนผ่านโพลล์ต่างๆว่า


รัฐบาลมีข้อครหาเรื่องทุจริตมากเหลือเกิน ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลมาร์คจะต้องยอมรับ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้องตอบแทนบุญคุณที่ทำให้มีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั่นเองแต่ในหลายกรณีก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า เป็นผลมาจากที่ต้องเป็นฝ่ายค้านมานานด้วยเหมือนกันสิ่งที่รัฐบาลต้องทำในเวลานี้ ก็คือต้องหาซื้อผงซักฟอก และน้ำยาดับกลิ่น ตุนเอาไว้เยอะๆขณะเดียวกัน 3 ยุทธศาสตร์ถนัดก็ต้องงัดออกมาใช้ตลอดเวลา1. คือการซื้อเวลา2. คือ


การเบี่ยงเบนประเด็น สร้างกระแสอื่นมากลบ3. คือการใช้กองกำลังปากกล้าร้องด่าท้าทาย ออกมาสวนกลับ ว่าทุกเรื่องรัฐบาลก่อนๆ ทำมาแล้วทั้งนั้น จึงไม่ควรมาต่อว่าเวลาประชาธิปัตย์ทำ... เป็นเสียอย่างนั้นหลายๆ เรื่องใช้สูตรนี้ทั้งสิ้นล่าสุดกรณี เครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT 200 ก็ออกอาการแล้วว่า ต้องใช้สูตรเด็ด เคล็ดลับ ปชป.นี้ด้วยเช่นกัน... จะไม่ทำได้อย่างไร ในเมื่อกลุ่มนายทหารใหญ่ คมช. ต้องถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณอันดับ 1 ในการพลิกกลับมาเป็นรัฐบาลของพรรค


ประชาธิปัตย์นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะพูดได้อย่างเต็มปากก็จริง ที่ว่าไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณม็อบพันธมิตรก็ตอนจัดตั้งรัฐบาล ม็อบพันธมิตรหรือแกนนำ ไม่ได้ช่วยตั้งรัฐบาลจริงๆ นี่นาทำหน้าที่เป็นแค่กองเชียร์ และกล่อมให้ประชาชนเห็นดีเห็นงาม เห็นพ้องว่าเป็นแนวทางที่ถูกแล้ว เพราะจะแก้ปัญหาทางตันทางการเมืองได้ จะสร้างความสมานฉันท์ได้ และจะยุติปัญหาทุจริตได้?แล้ววันนี้เป็นอย่างไร รู้ซึ้งกันดีทั้งประเทศแล้วว่า ได้


อย่างที่หวังหรือไม่?ส่วนที่ประชาชนไม่ได้หวัง แต่กลับได้ไปเต็มๆ ก็เรื่องทุจริตนั่นแหละฉาวโฉ่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคม ก็โบ้ยว่าไม่รู้เป็นเรื่องพรรคภูมิใจไทย ทั้งๆ ที่ตอบแทนบุญคุณทางการเมืองด้วยการประเคนกระทรวงผลประโยชน์ให้กับพรรคภูมิใจไทยของ นายเนวิน ชิดชอบ ไปเองกับมือเช่นกันกับกลิ่นโฉ่ GT 200 ซึ่งจำเลยสังคมในปัจจุบันก็คือกองทัพบกก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบุญคุณอีกเช่นกัน เมื่อติดค้างบุญคุณ ก็จำเป็นต้อง “อุ้ม”ยุทธศาสตร์แรกซื้อเวลา ก็เลย


ต้องอาศัยบริการของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนยี ใช้ทั้งมติคณะรัฐมนตรี และกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 และเครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ขยายประเด็นให้ต้องทำงานกว้างเอาไว้ก่อน ไม่ได้เจาะจงเฉพาะแค่ GT 200 แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เท่ากับแปลว่าต้องใช้เวลามากขึ้นแถม


มีการเชิญบุคลากรกว่า 20 คน จากหลายฝ่ายมาเข้าร่วมเป็นคณะทำงาน มาทั้ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้าร่วมตรวจสอบ รวมทั้ง ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยา


ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมอยู่ในคณะทำงานตรวจสอบด้วย แต่ที่น่าห่วงก็คือ ดร.เจษฎา ออกอาการอึดอัดและเริ่มขอไม่พูด โดยระบุว่า มีรายการ “คุณขอมา” ไม่ให้พูด“ไม่ขอให้ข่าวหรือวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะได้ให้ข้อมูลไปมากแล้ว อีกทั้งมีคนมาขอร้องให้ยุติการให้ข่าวในเรื่องนี้ด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความสับสน”ดร.เจษฎาพูดชัดตอนนี้คุณหญิงกัลยา ก็ได้ให้นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยี


อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ไปกำหนดกรอบในการตรวจสอบประสิทธิภาพ รวมถึงวิธีการและขั้นตอน ซึ่งเบื้องต้นจะมีการตรวจสอบทั้งในภาคสนามและห้องทดลองมาก่อนหากที่ประชุมกำหนดกรอบได้ตรงกัน หลังจากนั้นก็น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ครึ่งเดือนเป็นอย่างน้อยงานนี้... กระแสฮอต ก็คงกลายเป็นกระแสเหี่ยวไปตามที่ต้องการยิ่งระหว่างนี้ได้จังหวะที่เหมาะเจาะกับยุทธศาตร์ที่ 2 ซึ่งเป็นเกมถนัด นั่นคือการเบี่ยงประเด็น สร้างกระแสอื่นกลบยิ่ง


กองกำลังปากส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ด้วยแล้ว ต้องถือว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องถนัดอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีการโหมประโคมเรื่องวันที่ 26 กุมภาพันธ์ กันอย่างสนุกสนาน ว่าจะเกิดความรุนแรง เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในบ้านในเมืองป้ายกันเต็มที่ว่าเพราะจะโดนยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท จึงทำให้เป็นภาวะอันตรายหาเหตุผลข้ออ้างในการจะทำ Propaganda โฆษณาชวนเชื่อกันในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนเชื่อว่าสมควรยึดทรัพย์จริงๆ หยิบเอาทฤษฎีวัว ของนาย


แก้วสรร อติโพธิ์ อดีต คตส. ซึ่งเป็นผู้กล่าวหามาขยายความเป็นตุเป็นตะและเมื่อพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นบ้างว่า“คงจะมียึดบ้างหรืออายัดบ้าง แต่ก็คงจะเป็นไปด้วยเหตุด้วยผลทฤษฎีว่าด้วยวัวตัวโตของนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก็น่ารักดี แต่ก็คงจะไม่ใช่อย่างนั้น ความยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คงจะมียึดบ้างแต่ต้องให้ความเป็นธรรมต่อ พ.ต.ท.


ทักษิณ ใครก็แล้วแต่ที่เป็นคนไทยต้องให้ความยุติธรรมด้วยกันทุกฝ่าย ไม่ใช่ไปมองแต่ด้านที่เสียหาย คนเรามีทั้ง 2 ด้าน ด้านดีก็เยอะ อยากให้ทุกคนสบายใจว่าวันที่ 26 ก.พ. ที่จะมาถึงก็คงจะไปสู่วันที่ 27 ด้วยความเรียบร้อยทุกอย่าง”เท่านั้นแหละรับไม่ได้ แขวะบิ๊กจิ๋วกันอุตลุดถ้าเลือกที่จะเล่นเกม “พูดฝ่ายเดียว” ก็น่าจะออกกฎหมายมาเลยให้รู้แล้วรู้รอดว่า จากนี้ไปจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ห้ามประชาชนพูดหรือมีความคิดเห็นในเรื่องยึดทรัพย์ 76,000 ล้านโดยเด็ดขาด


ให้เฉพาะรัฐบาล และกลุ่มคนรอบข้างนายอภิสิทธิ์เท่านั้นที่พูดได้เพราะนั่นก็คือ ยุทธศาสตร์ถนัดอย่างที่ 3 เพราะพอมีกระแสในเรื่อง ปาอุจจาระใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ ที่ซอยสุขุมวิท 31 เท่านั้น ก็เป็นเรื่องสนุกปากของกองกำลังร้องด่าท้าทายทันทีพล่อยปากลามปามไปถึงว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ ที่หวังให้นายอภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปโน่นเลยถ้าแค่ปาอุจจาระใส่บ้านแล้วนายอภิสิทธิ์ตกเก้าอี้นายกฯ ล่ะก็ บรรดากลุ่มอำมาตยาธิปไตย บรรดาอดีตทหารใหญ่ คม


ช. จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน อุตส่าห์อุ้มชูซะขนาดนี้ ดันมาแพ้อุจจาระเสียได้พูดเป็นปากไม่มีหูรูดไปได้แต่ก็อย่างว่าแหละ นี่คือ 3 สูตรเด็ดที่ต้องใช้เพื่อกลบกระแสฉาว GT 200 นั่นเองไม่รีบกลบกระแสได้อย่างไร ก็นายมุข สุไลมาน ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ข้อมูลว่า จากการลงพื้นที่ จ.ปัตตานี ทำให้ได้รับทราบข้อมูลอีกด้านของ GT 200 โดยชาวบ้าน บอกว่า การทำงานของเครื่องไม่มีความแม่นยำ ชี้แบบสะเปะ


สะปะ มีการชี้ไปยัง วัตถุที่ไม่ผิดกฎหมาย ที่สำคัญมีการชี้ไปยังผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าก็มีการจับกุมไปตรวจสอบในค่ายทหาร 1-2 วัน แล้วจึงปล่อยออกมา เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เกิดความหวาดผวา ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้ตรวจสอบว่า จะยังคงให้ใช้เครื่องนี้อยู่ต่อไปหรือไม่?คงต้องดูว่า สุดท้าย GT 200 จะจบแบบ “อุ้มทหาร” อย่างที่สังคมคาดกันหรือไม่




...ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก..บางกอกทูเดย์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์