พม.เตรียมพัฒนารูปแบบการจ่ายเงินค่าจัดการศพผู้สูงอายุ เล็งขยายช่องทางให้อำเภอดำเนินการรวดเร็วยิ่งขึ้น
วันนี้ (1 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ตามที่ พม.ได้แก้ไขประกาศกระทรวงฯ ฉบับเดิม เพื่อให้ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทยทุกคน มีสิทธิได้รับเงินค่าจัดการศพได้รายละ 2,000 บาท เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไปนั้น จากการคาดประมาณประชากรของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในปี 2553 จะมีผู้สูงอายุประมาณ 7,639,000 คน และจากอัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยเฉลี่ยจะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตปีละประมาณร้อยละ 3.4 คาดว่า ในปี 2553 จะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตประมาณ 259,726 คน ซึ่ง พม.ได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าจัดการศพในปี 2553 แล้ว จำนวน 22,063 คน รวมเป็นเงิน 44,126,000 บาท จึงยังมีผู้สูงอายุที่คาดว่า จะเสียชีวิต และมีคุณสมบัติต้องได้รับการช่วยเหลืออีก 237,663 คน
ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินงานตามประกาศดังกล่าว พม.ได้ขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 วงเงิน 475,326,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดการศพผู้สูงอายุ จำนวน 237,663 คน นอกจากนี้ ยังได้ขอสนับสนุนงบประมาณกลางปี 2552 วงเงิน 40 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดการศพผู้สูงอายุ จำนวน 20,000 คน ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ คาดว่า จะสามารถรองรับการดำเนินงานตามประกาศดังกล่าวได้
นายอิสสระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พม.ยังได้เตรียมพัฒนารูปแบบการจ่ายเงินค่าจัดการศพผู้สูงอายุใหม่ โดยขยายช่องทางให้อำเภอสามารถเป็นหน่วยรับคำร้อง และจ่ายเงินค่าจัดการศพได้ด้วย จากเดิมที่กำหนดให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เป็นหน่วยงานเดียวในการดูแลจัดการ ทำให้ผู้ประสงค์เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวก การเพิ่มช่องทางให้อำเภอสามารถเป็นผู้จัดการจ่ายเงินค่าจัดการศพผู้สูงอายุได้นี้ จะทำให้ผู้มาขอรับบริการได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ พมจ. ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำแนวทางการปฏิบัติงาน.