จากนักบุญสู่ทรราชพลัดถิ่น

จากเนชั่นสุดสัปดาห์


เหตุผลจริงในการก่อรัฐประหารของผู้อาวุโสครั้งที่ 19 ซึ่งซ่อนแฝงอยู่ ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเองโดยไม่ต้องร้องขอแล้ว

สำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปฯ โดย พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ โฆษก คปค.
ได้แถลงข่าวผ่านเอกสารที่ตระเตรียมอย่างดีถึงเหตุผลจริงในการนำกองทัพเข้ายึดอำนาจว่า มีข่าวที่เชื่อถือได้ว่า

ในวันที่ 20 กันยายน 2549 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะนัดชุมนุมใหญ่โดยการเคลื่อนย้ายประชาชนจากทั่วประเทศจำนวนมากมาสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในกรุงเทพฯ เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร



ทางฝ่ายรัฐบาลก็เตรียมการนำประชาชนจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาต่อต้านกลุ่มดังกล่าว คาดว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะเกิดความรุนแรงถึงขั้นสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต และเหตุการณ์อาจจะกระจายไปทั่วประเทศ

ดังนั้น คปค.ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนั้นจะทำให้ประเทศชาติเกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากที่จะแก้ไข พร้อมทั้งไม่สามารถที่จะใช้มาตรการหรืออำนาจที่มีอยู่ควบคุมสถานการณ์ได้ จึงจำเป็นต้องเข้ายึดอำนาจการปกครองเพื่อยับยั้งเหตุการณ์โดยเร่งด่วน


ถ้อยแถลงก่อนประกาศใช้ธรรมนูญการปกครอง และมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของคณะโฆษกนี้ต่างไปจากเหตุผลของแถลงการณ์ฉบับที่ 1 (19 กันยายนฯ เวลา 23.50 น.) ที่ระบุเหตุผลไว้ 4 ประการ ดังที่ทราบทั่วกัน



เหตุผลจากฝ่ายกองทัพ ต่างไปจากคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฟันธงเหตุการณ์คาร์บ๊องผ่านสำนักข่าวไทยในต่างประเทศว่า การลอบสังหาร (คาร์บอมบ์) มีความสอดคล้องกับปัจจัยการเมืองซึ่งมีขั้นตอนมาตั้งแต่ การเดินขบวนขับไล่ แต่ไม่สำเร็จ มีการหาเหตุจะปฏิวัติ ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นก็ถึงขั้นจุดแตกหัก เอาชีวิตกันเป็นซีโร ซัม เกม (เกมที่ต้องแพ้ หรือไม่ก็ต้องชนะ) ใช้วิธีฆ่า แต่เมื่อไม่สำเร็จอีก ผู้ลงมือจึงต้องติดคุก

สถานการณ์ย่อมอ่านอย่างอื่นไม่ได้ เพราะทั้งรัฐบาลระบอบทักษิณกับกองทัพ ต่างช่วงชิงสถานการณ์เพื่อก่อรัฐประหารทั้งคู่

กองทัพเป็นฝ่ายมีชัยในยกต้นๆ จะยั่งยืนหรือไม่ ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป


ทางฝ่ายระบอบทักษิณซึ่งทรงพลานุภาพมากทั้งเรื่องอำนาจเงิน กองทัพ และแนวร่วมอันประกอบด้วยเครือข่ายรัฐตำรวจ ผู้ว่าฯ ซีอีโอ อำนาจรัฐท้องถิ่น มวลชนพื้นฐาน ความคิดจากกลุ่มคลังสมองคนเดือนตุลาและต่างประเทศ



ลองพิเคราะห์ดูแถลงการณ์ (จากลอนดอน) สั้นๆ 4 ย่อหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

"เราหวังว่า รัฐบาลใหม่ชุดนี้จะจัดการให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว และยังคงดำรงหลักการแห่งประชาธิปไตยเพื่ออนาคตของปวงชนชาวไทยทั้งมวลต่อไป"

´จัดให้มีการเลือกตั้งรวดเร็ว´ อ่านได้ไม่ยากว่า พลังเฮือกสุดท้ายของระบอบทักษิณที่จะเอาชนะได้ก็แต่โดยการเลือกตั้ง (เท่านั้น)

´ดำรงหลักการประชาธิปไตย´ นั่นก็คือ จะต้องคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็ว จากนั้นก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง

นี่คือการอ้างอิงประชาธิปไตยสากลนานาชาติขานรับทันที บทบรรณาธิการหนังสือยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ Washington Post (21 กันยายนฯ) เรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐและนานาชาติว่า "จะต้องไม่รับรองรัฐบาลที่ตั้งโดยคณะปฏิรูปฯ ยุติความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อเมริกา จนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสรีและเที่ยงธรรม" จากนั้นก็ตามมาด้วย รัฐบาลสหรัฐ ทำการตัดเงินช่วยเหลือด้านการทหารของไทยทันที

เห็นหรือยังว่า มีการกดดันจากนานาชาติให้คืนอำนาจประชาชนแล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้ง (ธนาธิปไตย) นี่เอง เป็นการต่อลมหายใจและหวนกลับมาฟื้นคืนชีพของระบอบทักษิณ

ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ ได้มีการรายงานข่าวว่า จะมีการตั้ง ´รัฐบาลพลัดถิ่น´ ขึ้นในสิงคโปร์ดินแดน

แห่งการฟอกเงินและเขตอิทธิพลของระบอบทักษิณ และในขณะเดียวกันก็พยายามจะให้องค์การสหประชาชาติให้การรับรองสถานะของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว (กรุงเทพธุรกิจ. 20 กันยายน 2549)

แม้ระบอบทักษิณจะไม่สามารถใช้เวทีต่างประเทศได้มากนักในช่วงต้นๆ แต่ในวันข้างหน้า รัฐบาล คปค.ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับการยอมรับจากนานาชาติและองค์การสากล เมื่อผสมโรงกับสถานการณ์ในประเทศ ซึ่งยังไม่นิ่งอันเกิดจากพลังตกค้างทางประวัติศาสตร์ และการออกแบบการต่อสู้ขึ้นใหม่ของระบอบทักษิณ ก็ต้องยอมรับว่าอาการน่าเป็นห่วง

เราจะต้องติดตามรัฐบาลใหม่ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ภายใต้การแปลงร่างของ คปค.ในรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติต่อไป

ศาสตราจารย์ ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ บรมครูกฎหมายมหาชน กล่าวไว้หนังสือปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ว่า ในสมัยก่อนเราพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีเผด็จการโดยทหาร ไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐประหารหรือคณะปฏิรูปอะไรก็ตาม ถามว่าขณะนี้เราหนีระบบเผด็จการพ้นหรือไม่? คือหนีจากเผด็จการไม่ว่าจะโดยทหารหรือพลเรือนก็ตาม ในขณะนี้การปกครองของเราเป็นอะไร

เขากล่าวว่า การที่จะปฏิรูปการเมืองได้ บางครั้งก็ต้องรอให้เกิดวิกฤติเสียก่อน เพราะวิกฤติทำให้คนทั่วไปมองเห็นเหตุการณ์ และเข้าใจสาเหตุของปัญหาได้ง่ายขึ้น

ศาสตราจารย์กฎหมายมหาชนผู้นี้สรุปว่า populist policy เป็นนโยบายระยะสั้นเพื่อหาเสียง (นายกรัฐมนตรี) ทำตัวเป็นนักบุญพระเวสสันดร ลด แลก แจก แถมด้วยเงิน โดยใช้ภาษีอากรของแผ่นดินจากนักบุญสู่ทรราชพลัดถิ่นพเนจร

หลังรัฐประหาร นับแต่วันที่ 19 กันยายนเป็นต้นมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ได้ ´ทัวร์นกขมิ้น´ สมใจ จะผิดก็เพียงว่าเป็นการทัวร์ในต่างประเทศชั่วคราวเท่านั้น

เป็นนกขมิ้นที่รอวันบินย้อนกลับเมืองไทยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์