นายกฯยันไทยยึดแนวทางสิทธิมนุษยชน ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าไปสมัครกรรมาธิการของยูเอ็น
วันนี้(24 ม.ค.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ตอนหนึ่งถึงกรณีที่รายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่ารัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงว่า ตนหากได้อ่านตัวรายงานแล้วเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการดูจะไม่รุนแรงเหมือนกับคำแถลงข่าว ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวอาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน และข้อมูลบางประการอาจคลาดเคลื่อนอยู่
ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการระบุว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 2 คน ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นเกิดจากการปะทะกันของผู้ชุมนุมกับประชาชนในชุมชนไม่ใช่เกิดจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด ส่วนการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก็ไม่ได้ห้ามการชุมนุม และเมื่อมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯแล้ว รัฐบาลก็จะต้องทำรายงานสรุปต่อรัฐสภาด้วย ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการรายงานในสมัยประชุมสภาฯนี้ อย่างการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่มักจะมีการออกมากล่าวว่าจะใช้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ถ้ากลุ่มนี้มาชุมนุมจะใช้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมาไม่ใช้นั้นไม่เป็นความไม่จริง เพราะการใช้ พรบ.หรือไม่อยู่กับข่าวที่เราได้มา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อ สำหรับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น แม้ว่าในขณะนี้จะยังมีสถานการณ์ความรุนแรงอยู่ก็ตามแต่ปัญหาความรุนแรงก็ลดลงเป็นลำดับ ขณะเดียวกันการดูแลของรัฐบาลก็ได้ดูแลช่วยเหลือเรื่องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้ดียิ่งขึ้น ส่วนการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมราชานุภาพและความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้น มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบโดยดูที่เจตนา และไม่ให้มีการนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ตนเข้าใจว่ารายงานดังกล่าวอาจถูกเขียนขึ้นก่อนที่จะมีการตั้งกลไกพิเศษเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ ตนมั่นใจในเรื่องการดำเนินการ ในแนวทางของประเทศในเรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่เช่นนั้น เราคงไม่กล้าไปสมัครแข่งขันในการที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมาธิการที่จะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนในสหประชาชาติที่ ครม.เห็นชอบ เรื่องต่างๆที่เราสามารถดูแลได้ เราก็จะผ่อนผัน อย่างเช่น เรื่องแรงงานต่างด้าวที่กำลังจัดระบบ และ ม้งลาว.