"มาร์ค"ตั้ง"ธานี"สางคดี"ทนายสมชาย"สั่งรื้อใหม่ฆ่าหมู่"กรือเซะ-ตากใบ" โฆษกรบ.คุยปัญหาไฟใต้เริ่มดีขึ้น นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ถึงกรณี นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ อดีตทหารพราน เข้ามอบตัวตามหมายจับคดียิงชาวบ้านในมัสยิดอัลฟุรกอน ต.ไอปาแย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ว่า อาจทนแรงกดดันไม่ไหวเพราะโดนตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นคนบุกยิงผู้ที่กำลังประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สถานการณ์ขณะนี้เมื่อผู้ก่อความไม่สงบเห็นว่าการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของไทยเชื่อถือได้ และสามารถพึ่งพาได้ ไม่มีการเมืองเข้าไปแทรกแซง จึงให้ความร่วมมือกับภาครัฐมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อความไม่สงบหรือภาคประชาชน เริ่มให้ข้อมูลกับรัฐมากขึ้นเพราะมีความคุ้นเคยกัน "ผมคิดว่าคดีไอปาแยสามารถตอบโจทย์เรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้คนในพื้นที่ได้อย่างดี ถึงแม้ว่าคดีนี้จะมีความซับซ้อน แต่เห็นได้ว่าประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มกระบวนการก่อความไม่สงบออกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น ทำให้คดีสามารถคลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งคดีนี้สามารถเป็นตัวชี้วัดได้ 3 อย่าง คือ 1.การบังคับใช้กฎหมาย 2.การให้ความเป็นธรรม 3.การทำงานร่วมกันระหว่างประชาชนกับภาครัฐ" นายปณิธานกล่าว รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคดีที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและต้องการทำให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด คือ คดีนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม โดยสั่งการให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นคนดูแล เพราะเป็นคดีที่เป็นตัวชี้วัดความรู้สึกของประชาชนมากในระดับหนึ่ง สามารถสร้างเป็นแรงผลักดันในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ธานีได้เริ่มประชุมคณะทำงานแล้ว "ส่วนการบริการจัดการในพื้นที่ รัฐบาลมี นโยบายเน้นการพัฒนา ซึ่งหากร่าง พ.ร.บ. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) ผ่านการพิจารณาจากสภาแล้ว รัฐบาลจะพยายามลดบทบาทของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยการปรับลดจำนวนกำลังทหารหลักออกจากพื้นที่ ซึ่งจะใช้หลักการกำลังผสมทั้งพลเรือนและทหารเข้ามาแทนที่ เพราะการทำงานของ ศอ.บต.และ กอ.รมน. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนดูแลทั้งสองหน่วยงานต้องเดินควบคู่ไปด้วยกัน" นายปณิธานกล่าว และว่า เมื่อมี ศอ.บต.เกิดขึ้น รัฐบาลจะทำให้พื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงสตูลและสงขลา ซึ่งอาจจะตั้งเป็นศูนย์การบริหารส่วนภูมิภาค (อปภ.) แต่ยังใช้หลักการของการปกครองระดับจังหวัดของกระทรวงมหาดไทยอยู่ แต่ที่เปลี่ยนคือ หลักการบริหารเท่านั้น เช่น ถ้าจะสร้างเขตอุตสาหกรรม ต้องมาขออนุมัติจากฝ่ายบริหารก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้ในพื้นที่มีสามารถพัฒนาศักยภาพให้มากที่สุด ส่วนการนำมาตรา 21 มาบังคับใช้ต้องประกาศให้ทุกพื้นที่อยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคงก่อน เนื่องจากมาตรา 21 เป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.บ.ความมั่นคง รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ซึ่งหากเป็นไปได้ รัฐบาลมีนโยบายนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงมีบังคับใช้ในทุกพื้นที่ในปี 2553 เมื่อถามว่า เตรียมรับการตอบโต้จากกลุ่มก่อความไม่สงบหลังจากรัฐเป็นฝ่ายรุกไว้อย่างไร นายปณิธานกล่าวว่า แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามต้องรุกกลับในด้านต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียมวลชนของตัวเอง แต่การที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่และมีแนวนโยบายพัฒนาลงไป ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้น ขณะเดียวกันเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ก็มีการจับกุมตัวผู้กระทำได้ทันทีในหลายกรณี เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านให้เบาะแสเมื่อพบสิ่งผิดปกติ สะท้อนว่าเริ่มไว้วางใจรัฐมากขึ้นแล้ว และหลังจากนี้นายกฯก็จะลงพื้นที่อีก
"ปณิธาน" คุยปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้คลี่คลายระดับหนึ่ง ชาวบ้านเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม เผย นายกฯ ตั้ง "ธานี" ดูแลคดีอุ้มฆ่า "ทนายสมชาย" พร้อมกับเตรียมรื้อคดี "กรือเซะ-ตากใบ" พร้อมตั้ง อปภ.คุมบริหาร 5 จว.ใต้ ปรับลดกำลังทหารออกนอกพื้นที่ หวังลดบทบาทกอ.รมน.
นายปณิธาน กล่าวอีกว่า การดูแลภายใต้ ศอ.บต.ในอนาคต จะมีแขนของจังหวัด ดูแลทิศทางให้สอดคล้องกับจังหวัดอื่น แขนของศาสนา เพื่อลดช่องว่างของศาสนา แขนของความมั่นคง เพื่อดูแลงานความมั่นคง และจัดตั้งสภาที่ปรึกษาท้องถิ่น ทำแผนบูรณาการแต่ละจังหวัดร่วมกัน ซึ่งไม่ว่าจะเรียกชื่อว่าอะไร แต่ไม่ใช่เขตปกครองตนเอง แต่เป็นลักษณะการบริหารจัดการรูปแบบพิเศษ แต่เรื่องนี้ต้องอาศัยระยะเวลา
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 19 มกราคม กระทรวงมหาดไทยจะขออนุมัติการสนับสนุนงบประมาณกลางปีประจำปีงบประมาณ 2553 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรจุกอง กำลังพลอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เพื่อรักษาความปลอดภัยในเขตเมืองจังหวัดชายแดนใต้ เฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุร้าย ตามวัตถุประสงค์ จำนวน 1,440 อัตรา โดยใช้งบประมาณเป็นค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยง ค่าเข้าอบรม ค่าเบี้ยเสบียงสนาม ค่าเครื่องนอน ค่ายุทธการ วงเงิน 399,320,800 บาท โดยอัตราที่บรรจุจะกระจายไปยังเขตเมืองของจังหวัด 4 จังหวัด 6 อำเภอ ดังนี้ 1.จังหวัดยะลา 480 คน ให้อำเภอเมืองจังหวัดยะลา 280 คน อำเภอเบตง 280 คน 2.จังหวัดนราธิวาส 480 คน ให้อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส 280 คน อำเภอสุไหงโก-ลก 280 คน จังหวัดปัตานี ให้อำเภอเมืองปัตตานี 280 คน จังหวัดสงขลา ให้อำเภอหาดใหญ่ 280 คน
ด้านนายพีรยศ ราฮิมมูลลา ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (วอร์รูมภาคใต้) ของพรรค เปิดเผยว่า นอกจากการคลี่คลายคดียิงมัสยิคอัลฟุรกอน ต.ไอปาแย แล้ว ตนยังขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รื้อฟื้นคดีสำคัญในอดีต เช่น คดีกรือเซะ คดีตากใบ ฯลฯ กลับมาดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งนายสุเทพบอกกับตนว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานีเข้าไปดูแลคดีที่เกี่ยวกับความไม่สงบในภาคใต้ทั้งหมด ตนจึงอยากเสนอให้นำรายงานของคณะกรรมการอิสระสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่กรือเซะและตากใบชุดที่มีนายจรัญ มะลูลีม อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นกรรมการอยู่ ซึ่งจัดทำสมัยรัฐบาลไทยรักไทยมาเป็นแนวทางในการดำเนินการ เพราะรายงานฉบับดังกล่าวบอกไว้ชัดว่า คดีสำคัญทั้ง 2 มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง โดยขอให้ดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะอยู่กับฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
"ปัญหาภาคใต้ถ้าคดีความต่างๆ เดินหน้าจะสามารถลดความตึงเครียดได้ เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่มีความรู้สึกลึกๆ ว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้มีประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ในต่างประเทศมาบอกกับผมว่าให้เร่งดำเนินคดีสำคัญต่างๆ ให้เกิดความชัดเจนภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากจะมีการประชุมองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) ขึ้นที่ประเทศทาจิกิสถาน เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีตัวแทนขบวนการในพื้นที่บางส่วน ขอให้บางประเทศนำปัญหา ในพื้นที่ภาคใต้ของไทยไปพูดในที่ประชุม โอไอซี" นายพีรยศกล่าว
มาร์คตั้งธานีสางคดีทนายสมชายสั่งรื้อใหม่ฆ่าหมู่กรือเซะ-ตากใบ โฆษกรบ.คุยปัญหาไฟใต้เริ่มดีขึ้น
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง มาร์คตั้งธานีสางคดีทนายสมชายสั่งรื้อใหม่ฆ่าหมู่กรือเซะ-ตากใบ โฆษกรบ.คุยปัญหาไฟใต้เริ่มดีขึ้น