"พายัพ" ออกโรงเตือนยึดทรัพย์แม้ว 7.6 หมื่นล้านบ้านเมืองพังแน่ ชี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีของชาติ แนะให้พิจารณายึดตามความผิด ขณะที่อดีตคตส. ยกหลักกฎหมายต้องทั้งหมด "พายัพ"ลั่นยึดทรัพย์ทักษิณบ้านเมืองพังแน่ กลายเป็นกลียุค
นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าววันที่ 14 มกราคมกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ว่า
"ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองที่เขาอยากให้เป็น หากมีการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ใช่ทางออกที่ดีของชาติ เพราะคนที่บอกว่าเขาทำผิด เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิด แต่อยู่ๆ จะไปยึดทรัพย์เขา เรื่องนี้จะส่งผลให้ญาติพี่น้องของเขาเดือดร้อน ความยุติธรรมต้องมองให้เห็นในมุมเดียวกัน คุณยอมรับได้ ผมก็ต้องยอมรับได้ ไม่ใช่ตอบเองตัดสินเอง"
นายพายัพกล่าวว่า ทางออกของเรื่องนี้ต้องแบ่งออกเป็นส่วนๆ ไม่ใช่ไปยึดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด 7.6 หมื่นล้าน
แต่ควรคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและให้ชดใช้เงินในส่วนที่ถือเป็นค่าเสียหายของรัฐในแต่ละคดีที่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณผิด เช่น คดีปล่อยเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ให้ประเทศพม่า ถามว่าประเทศไทยเสียหายตรงไหน หรือเป็นเพราะดอกเบี้ยต่ำไป ในส่วนนี้ก็ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกค่าเสียหายไปตามนั้นอย่างนี้ถึงจะเรียกว่า "แฟร์เกม"
"เราจะให้เขาผิด ต้องให้เขาเต็มใจ ไม่ใช่เหมารวมทำเป็นมหากาพย์ว่าเขาผิดไปหมด เป็นอย่างนี้บ้านเมืองพังแน่นอน วันนี้บ้านเมืองเปราะบาง ถ้ายังเป็นไปตามเส้นทางก็จะกลายเป็นกลียุค บ้านเมืองก็จะลำบาก"
พายัพกร้าวยึดทรัพย์แม้วบ้านเมืองพังแน่ แนะทางออกดูตามความผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการคาดการณ์กันว่าผลของคดีจะเป็นชนวนทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รุนแรง นายพายัพกล่าวว่า ใช่ ถ้าผิดก็ว่าไปตามที่ตนกล่าวมา แต่ถ้าไม่ผิดก็คืนเขาไป ทำอย่างนี้ก็จบ
เมื่อถามว่า หากศาลตัดสินยึดทรัพย์เฉพาะส่วนที่งอกมาก่อนที่จะเข้ามาเล่นการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับได้หรือไม่ นายพายัพกล่าวว่า ต้องมองตามสภาพความเป็นจริง แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1.ทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาก่อนเข้าสู่การเมืองคือ ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์ เงินก้อนนี้จะไปยึดไม่ได้ ต้องคืนให้เขา 2.ส่วนของทรัพย์สินที่เพิ่มหลังจากมีตำแหน่งทางการเมือง หากคดีไหนเป็นที่ยุติโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความผิดส่วนนี้ก็ต้องคืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สำหรับคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้อายัดเงินบางส่วนตามที่ประเมินว่าคดีนั้นจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่ และ 3.คดีใดที่เห็นว่าผิดก็ยึดจำนวนนั้นไป ไม่มีใครว่า แต่อย่ามาเหมารวมทั้งหมด
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกังวลกับคดีนี้มากน้อยเพียงใด
นายพายัพกล่าวว่า บางคนเป็นหนี้หลักล้านยังนอนไม่หลับเป็นเดือนเป็นปี แต่นี่จะมายึดเงิน 7 หมื่นกว่าล้านบาทไปหมด เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องวิตกกังวลกันบ้าง เพราะเป็นทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณหามาทั้งชีวิต คนเราเมื่อทุกข์ใจหรือกังวลใจ ก็จะต้องทำใจ ถ้าถึงเวลาสู้ ลูกผู้ชายอย่างพวกตนก็จะต้องสู้ ขอตายในสนามรบมากกว่าที่จะยอม
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่มีแหล่งข่าวใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า
จะพยายามล็อบบี้ฝ่ายต่างๆ ให้ยึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณเพียง 40% จาก 7.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากได้มาก่อนขายหุ้นชินคอร์ปว่า ตามหลักการแล้วคดีร่ำรวยผิดปกติจะต้องยึดทั้งหมด เนื่องจากทรัพย์สินตั้งต้นถือเป็นตัวล่อให้เกิดการเพิ่มพูน เพราะหากยึดเฉพาะเงินที่เพิ่มมาภายหลังก็เหมือนผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษเลย ไม่ต่างอะไรกับคนขโมยของไปพอถูกจับได้เอาของมาคืนก็จบกัน หากเป็นเช่นนั้นกฎหมายริบทรัพย์สินจากผู้ที่ร่ำรวยผิดปกติก็จะไม่เกิดประโยชน์เลย วิธีคิดกรณีนี้จึงต้องคิดถึงการป้องกันการทุจริต คือผู้กระทำผิดถูกลงโทษด้วย
นายอุดมกล่าวว่า มีตัวอย่างสมัยตนเป็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยมีตำรวจจับแม่ค้าขายลอตเตอรี่เกินราคาจาก 10 บาท เป็น 12 บาท
แล้วศาลชั้นต้นตัดสินให้ริบทรัพย์คืนแค่ 2 บาท แต่อัยการอุทธรณ์ไปจนถึงชั้นศาลฎีกา ก็ตัดสินให้ริบทรัพย์คืนทั้ง 12 บาท หรือตัวอย่างไม่นานมานี้ มีข้าราชการคนหนึ่งขายที่ดินให้กับหน่วยงานราชการแพงเกินจริง สมมติว่าขายให้ในราคา 25 ล้านบาท จากราคาจริง 10 ล้านบาท ภายหลังถูกจับได้แล้วศาลตัดสินว่ามีความผิด ก็เกิดข้อถกเถียงว่าต้องริบทรัพย์ 25 ล้านบาท หรือส่วนที่เกินมา 15 ล้านบาท ที่สุดศาลฎีกาก็ตัดสินใจริบทรัพย์ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าหากริบเฉพาะ 15 ล้านบาท ข้าราชการคนดังกล่าวจะไม่ถูกลงโทษเลย
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday