สมคิดหนีไม่รอด ทรท เละ !!!!

ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค ทรท.แหลกสมคิด ยื่นลาออกตาม ด้านอนงค์วรรณส่งตัวแทนยื่นออกเพิ่มกว่า 40 คน ส่วนวังพญานาคถกชี้ชะตาอนาคตเร้วๆนี้ ตามด้วยกลุ่มวาดะห์ ขณะที่ประธานกกต. ระบุ แม้ลาออกก็ไม่พ้นผิดหากถูกยุบพรรค

ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ส่งเจ้าหน้าที่มายื่นหนังสือกับฝ่ายทะเบียน พรรคไทยรักไทย เพื่อขอลาออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งส่งผลให้นายสมคิดต้องพ้นจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคด้วย นอกจากนี้ นายพิมล ศรีวิกรม์ อดีต ส.ส.กทม.นายวีระชัย วีระเมธีกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค เช่นกัน

จะส่งตัวแทนเดินทางเข้านำรายชื่อสมาชิกในกลุ่ม เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย อีกประมาณ 40 คน เพิ่มเติมจากที่นายสมศักดิ์ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

ทางกลุ่มได้เตรียมนัดหารือเป็นการภายใน โดยนายพินิจ จารุสมบัติ หัวหน้ากลุ่ม ได้นัดพูดคุยกันระหว่างสมาชิก ว่าจะตัดสินใจดำเนินการทางการเมืองอย่างไร ซึ่งกลุ่มวังพญานาคมีสมาชิก ประมาณ 40 คน ส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.ในภาคอีสาน เหนือ และใต้ รวมทั้งนายปรีชา เลาหพงษ์ชนะ ด้วย

สำหรับบรรยากาศทั่วไปในพรรคค่อนข้างเงียบเหงา ไร้แกนนำพรรคคงมีเพียง นายวีระ มุกสิกพงษ์ กรรมการบริหารพรรค นายเอกพร รักความสุข รวมทั้งนายจุตพร พรหมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย เดินทางมาหารือกันเป็นการภายใน นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสื่อมวลชน ที่เดินทางมาติดตามทำข่าวที่พรรคไทยรักไทยด้วย

โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ไม่ได้สั่งห้ามเข้ามาทำข่าวแต่อย่างใด โดยเข้มงวดกับการติดบัตรในระหว่างที่อยู่ภายในอาคารด้วย

ที่ส่งมาถึงสมาชิกพรรค โดยอ้างเหตุความไม่ปรกติในบ้านเมือง เป็นเหตุให้ต้องเสียสละลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค พร้อมทั้งกรรมการบริหารพรรคทันที

ในช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงเย็นวันนี้คาดว่าจะมีแกนนำหลายคนจากหลายมุ้งจะมายื่นใบลาออกเพิ่ม ได้แก่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กลุ่มลำตะคอง นายพินิจ จารุสมบัติ กลุ่มวังพญานาค

ขณะนี้ได้เตรียมนัดหารือสมาชิกกลุ่มวาดะในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ทั้งหมด สุดสัปดาห์นี้เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองในพรรคไทยรักไทย โดยเบื้องต้นทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจะรอการตัดสินใจของนายวันมูหะมัดนอร์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มเท่านั้น

เบื้องต้นได้พุดคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะยืนหนังสือลาออกจากกรรมการบริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรค แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอคำยืนยันอีกครั้งเสียก่อน ขณะเดียวกันได้ปรึกษานายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ แกนนำของกลุ่มวาดะคนสำคัญเพราะดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเช่นกัน โดยได้รับคำยืนยันว่าจะรอการตัดสินใจพร้อมกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในการยื่นใบลาออกจากพรรค

"มีความเป็นไปที่ทั้งสองคนจะยื่นหนังสือลาออกจากพรรคแต่ต้องรอคำยืนยันอีกทั้ง เพราะขณะนี้มีการพูดคุยกันในกลุ่มเท่านั้นยังไม่การนำเอกสารที่เป็นลาลักษณ์อักษรไปยื่นต่อพรรคอย่างเป็นทางการ ส่วนการทำงานการเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ยืนยันว่ากลุ่มวาดะต้อิงดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน เพราะปัยหาที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านเป็นเรื่องที่หยุดชาวยเหลือไม่ได้"

หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ส่งหนังสือลาออกจากตำแหน่งและมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคทำหน้าที่รักษาการแทน ในส่วนของบรรดาสมาชิกพรรคในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังรอดูท่าทีของพรรคหลังจากนี้อีกระยะหนึ่ง

โดยส่วนตัวยังไม่ยื่นหนังสือลาออก เหมือนกับสมาชิกในพรรคหลายรายทยอยลาออกอย่างต่อเนื่องในขณะนี้

จะดำเนินการอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครได้รับตำแหน่งกรรมการบริหารภายในพรรคไทยรักไทยและหากถุกยุบพรรคก็คงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโทษเว้นวรรคทางการเมือง ตามที่ ประกาศของ คปค.ระบุเอาไว้

"เรายังมีเวลาศึกษาว่าจะไปอยู่ที่ไหนแล้วสามารถทำงานให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนได้มากที่สุด ไม่ว่าเราจะลาออกจากพรรคหรือว่ามีคำสั่งให้ยุบพรรคหรือไม่ก็ตาม อดีตส.ส.ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไปแน่นอน"

ที่เป็นประเด็นถกเถียงว่า จะต้องรับผิดเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 5 ปี หรือไม่หากถูกตุลาการรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรค ว่า ตามปกติพรรคการเมืองจะต้องรายงานให้ กกต.รับทราบ ถึงการลาออกตามขั้นตอนกฎหมายพรรคการเมือง ภายใน 30 วัน เพื่อให้ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองได้รับทราบ การลาออกจึงจะมีผล ซึ่งการลาออกของสมาชิกพรรคไทยรักไทยครั้งนี้ ตนเห็นว่าคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลาออกเพื่อหนีคดี

เพราะทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และอายุความของคดี แม้ว่าจะลาออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้วก็ตาม เพราะความผิดเกิดจากการกระทำใด ก็ต้องว่ากันไป รวมทั้งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่โดยหลักการพิจารณาจะยึดช่วงที่มีความผิดเกิดขึ้น

ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับ นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. โดยนายประพันธ์ ระบุว่าไม่ใช่หน้าที่ กกต. แต่เป็นหน้าที่ของตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องชี้ประเด็นให้ชัดเจน ตนไม่อยากให้ความเห็น เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำ

และอาจจะกระทบต่อพรรคการเมืองอื่น ที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตสมาชิกพรรคย้ายไปสังกัด เพราะยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะต้องได้รับโทษหากมีการยุบพรรคเกิดขึ้น

ที่ได้ส่งมอบงานทั้งหมดแล้ว รวมถึงการเร่งพิจารณาประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯฉบับที่ 32 ที่ให้รับรองใน 30 วัน และหากมีความผิด ค่อยเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งภายหลัง เนื่องจากท้องถิ่นมีปัญหางบประมาณค้างจ่าย ไม่มีผู้อนุมัตินำมาแก้ปัญหาต่างๆ กว่า 100,000 ล้านบาท โดย กกต.ยืนยันว่า หลังการประกาศรับรองแล้ว สามารถเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือให้ใบแดง และการสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หรือให้ใบเหลือง หรือสั่งให้นับคะแนนใหม่ได้

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก