อุปทูตซาอุฯขอพบนายกฯหวังฟื้นคดีฆ่าพระญาติกษัตริย์

เผยมีคนในรัฐบาลวิ่งเต้นขอสำนวนคดีการหายตัวของนักธุรกิจชาวซาอุฯ เจ้าหน้าที่ไม่สบายใจนัดชี้ชะตาจะสั่งฟ้องนายตำรวจหรือไม่ 12 ม.ค. ก่อนหมดอายุความ 12 ก.พ. อธิบดีดีเอสไอ ยันไม่มีคำสั่งการเมืองแทรกแซงคดีฆ่าพระญาติกษัตริย์ไฟซาล อุปทูตซาอุฯเข้าพบนายกฯหวังฟื้นคดีอีกครั้ง

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 มกราคม

กล่าวถึงคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย พระญาติกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย ว่าขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ทั้งนี้ ยืนยันว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของคณะพนักงานสอบสวน รวมทั้งไม่เคยมีคำสั่งจากฝ่ายการเมือง หรือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อย่างไรก็ตาม กำลังจับตาการสั่งคดีอุ้มฆ่านายอัลลูไวรี่ หากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งที่ไม่พบศพยืนยันการเสียชีวิต จะถือเป็นคดีนำร่องในการเดินหน้าสั่งฟ้องคดีอุ้มฆ่านายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม เพราะทั้ง 2 คดีมีพยานหลักฐานใกล้เคียงกัน


คดีการหายตัวไปของนายอัลลูไวรี่นี้ กลายมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ภายหลังนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง

ออกมากล่าวอ้าง กระแสข่าวซาอุดีอาระเบียกำลังพิจารณาตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยแบบ 100%
เนื่องจากไม่พอใจที่มีบุคคลในรัฐบาลวิ่งเต้นล็อบบี้คดีนี้เพื่อช่วยเหลือตำรวจที่เป็นพวกพ้องที่ตกเป็นผู้ต้องหา
ขณะที่นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีการวิ่งเต้นทั้งสิ้น ไม่ว่าระดับใด


อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า ขณะนี้ฝ่ายการเมืองในกระทรวงยุติธรรม เริ่มมีความไม่สบายใจ

เนื่องจากมีผู้ใหญ่ในรัฐบาลพยายามประสานผ่านไปยังนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เพื่อขอให้เรียกสำนวนคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย พระญาติกษัตริย์ไฟซาล จากนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ มาตรวจสอบ ซึ่งความพยายามดังกล่าวเป็นเกมใต้ดิน เนื่องจากอำนาจการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีในชั้นสอบสวนไม่เกี่ยวข้องกับอัยการสูงสุด จึงไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงการทำงานที่เป็นอิสระของอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้ แต่กรณีดังกล่าวก็สร้างความไม่สบายใจให้กับนายธนพิชญ์ เจ้าของสำนวน เพราะนายธนพิชญ์ร่วมสอบสวนคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาโดยตลอด ในชั้นสอบสวนมีการสอบถามและกลั่นกรองข้อมูลจนชัดเจนว่า พยานหลักฐานในคดีมีน้ำหนักเพียงพอที่จะสั่งฟ้อง แต่เมื่อมีความพยายามแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง คนทำงานทั้งอัยการและดีเอสไอจึงรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้น ในวันที่ 12 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นวันนัดชี้ชะตาถึงการตัดสินใจในการสั่งคดีว่าจะฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กับพวกรวม 5 คน หรือไม่จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะหากเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีกครั้ง อาจกระทบต่ออายุความ 20 ปีของคดีนี้ เนื่องจากจะหมดอายุลงในวันที่ 12 กุมภาพันธ์


แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยด้วยว่า ทางการซาอุฯคาดหวังว่าจะมีการสั่งฟ้องคดีอุ้มฆ่านายอัลลูไวรี่

เพราะเมื่อ 19 ปีที่ผ่านมา คดีนี้สั่งไม่ฟ้องในชั้นตำรวจและอัยการทำให้ต้องยุติคดี จนกระทั่งดีเอสไอรื้อฟื้นคดีขึ้นอีกครั้ง ทำให้ซาอุฯคาดหวังต่อคดีและเตรียมที่จะฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ แต่ก็ต้องผิดหวังที่มีการเลื่อนคดีในช่วงใกล้ครบอายุความ โดยภายหลังมีข่าวว่ามีความพยายามจะแทรกแซงการสั่งคดี อุปทูตซาอุฯจึงขอนัดเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 มกราคม


นายนาบิล ฮุสเซ็น อัชรี อุปทูตราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย เข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กระทรวงมหาดไทย

โดยนายชวรัตน์กล่าวภายหลังการหารือว่า นายนาบิล ฮุสเซ็น อัชรี มาขอให้กระทรวงมหาดไทยช่วยสนับสนุนในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมหมัด ฮัลลู ไวรี่ ซึ่งอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในวันที่ 12 มกราคมนี้ ซึ่งกระทรวงจะช่วยประสานกับกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยดูแลให้เพื่อความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันจะได้กลับสู่สภาวะปกติ อันจะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย และไม่ได้มีการพูดถึงคดีเพชรซาอุฯ มีแต่การหารือเรื่องคดีความเท่านั้น 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์