สำนักข่าวไทย 3 ม.ค.– “จาตุรนต์” วิเคราะห์การเมืองปี 53 เชื่อการเมืองใน-นอกสภา ยังไม่มีผลเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่จะทำให้คะแนนนิยมตกต่ำจากปัญหาเศรษฐกิจ ย้ำทางออกต้องแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เชื่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต้องการอยู่ครบเทอม
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองประเทศไทยในปี 2553 ว่า
หากยังไม่แก้กติกาให้เกิดความยุติธรรม ก็ยากที่จะให้การเมืองไทยลงตัว ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาลในปีหน้ายังมีปัญหาแน่นอน เพราะหลังปีใหม่เปิดมามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลถึงขนาดล้มรัฐบาลหรือไม่ ต้องดูว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายจะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน เพราะต้องดูว่าสังคมหรือพรรคร่วมรัฐบาลคิดอย่างไรกับรัฐบาล หลังรับฟังข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่จะหวังผลให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลคงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวมาก ๆ ก็อาจทำให้ความนิยมลดน้อยลงไปอีก
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขณะที่การเมืองนอกสภายังเข้มข้นมากขึ้น เพราะความไม่พอใจต่อรัฐบาลมีสะสมมานาน
ตั้งแต่ที่มาของรัฐบาลและการบริหารงานที่ล้มเหลวแก้ปัญหาประเทศชาติไม่ได้ ทั้งนี้การเคลื่อนไหวนอกสภา หากดูแลกันได้ ไม่เคลื่อนไหวใช้ความรุนแรง ป้องกันการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงได้ คงจะไม่ถึงขั้นทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่มีผลถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ นอกจากว่าการชุมนุมนั้นจะเสนอเนื้อหาสาระต่อประชาชนและสังคม จนทำให้สังคมเห็นด้วย แต่คงไม่แสดงผลทันที จะส่งผลต่อเสียงของประชาชนเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่
“โดยรวมคิดว่าเรื่องทางการเมืองโดยตรงไม่น่ามีผลถึงขั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ทำให้รัฐบาลตกอยู่ในฐานะลำบาก คะแนนนิยมลดน้อยลง เรื่องสำคัญที่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล คือ การแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การแก้ปัญหากรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งการที่รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างล่าช้าไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลย จะทำให้เกิดผลเสียต่อภาคอุตสาหกรรมอย่างรุนแรงต่อการลงทุนที่จะมาจากต่างประเทศ หากยังเป็นเช่นนี้อีก คาดว่าผู้ที่มาลงทุนในไทยจะน้อยลงมาก และถึงขั้นเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนทั้งรายเก่าและรายใหม่ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน”นายจาตุรนต์ กล่าว