เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงทิศทางการเมืองในปี 2553 ว่า
จากการคำนวณน่าจะรุนแรงขึ้น เพราะปัจจัยทุกอย่างงวดเข้ามาพร้อมๆกันจะทำให้เกิดความวุ่นวาย อย่างน้อยอาจใกล้เคียงกับเหตุการณ์สงกรานต์ที่ผ่านมา เพราะทุกฝ่ายยังไม่ยอมถอยกันเลย ต่างฝ่ายคิดว่าตัวเองถูกต้องโดยไม่เห็นแก่ประเทศชาติ ทำให้ปัญหาไม่จบ อย่างไรดีจากที่ติดตามสถานการณ์มีบางคนที่พยายามเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเขาคิดว่าจะปล่อยให้บ้านเมืองอึมครึมต่อไปไม่ได้ ต้องพยายามให้บ้านเมืองสงบ โดยเฉพาะการที่นายกฯไปไหนไม่ต้องโดนต่อต้าน รูปแบบอาจจะเป็นการเจรจาในทางลับ นำข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่ายมาคุยกันเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน อาจมีข้อเรียกร้องถึง 10 ข้อ แต่เมื่อเปิดการเจรจาอาจเหลือ 5 ข้อก็ได้ ดังนั้นทุกฝ่ายอย่าปิดประตูเจรจา ต้องพูดคุยกัน เพราะถ้าปีหน้าถ้ายุติความขัดแย้งไม่ได้ ประเทศจะเสียหายมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ และสังคม
เมื่อถามว่ามองว่าใครจะเป็นคนกลางให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันได้ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า
คนที่รักชาติยังมีอีกมาก ทุกคนต้องหันหน้ามาเจรจา มาคุยกันแบบลับ เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้มีการเจรจากันบ้างใช่หรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า มีคนพยายามเหมือนกันแต่ไม่ได้ตามต่อ จึงไม่ทราบรายละเอียด รู้แต่เพียงว่ามีคนพยายามทำ เมื่อถามว่าเป็นผู้ใหญ่ระดับไหน นายประสพสุข กล่าวว่า มีคนคิดทำให้บ้านเมืองสงบสุข แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน ร่วมถึงคนที่อยู่ต่างประเทศต้องเป็นทุกฝ่ายอยู่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกัน ทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมลงให้กันบ้าง แต่ไม่ได้ยอมเพราะคนกลาง แต่ลงเพื่อชาติบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่านายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เสนอให้นิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทุกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน จะทำให้มวลชนเสื้อแดงหยุดการเคลื่อนไหวหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า
ไม่เห็นด้วย เพราะการนิรโทษกรรมยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง จะทำไม่ให้เกิดความปรองดอง แต่ยังไม่อยากให้พูดเรื่องการนิรโทษกรรมเพราะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะประเด็นหลักคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน แต่หากสุดท้ายไปถึงกระบวนการนิรโทษกรรม ใครมีความผิดก็ต้องได้รับการอภัยโทษ ส่วนความผิดที่ยังไม่ได้รับการตัดสินต้องบอกวิธีด้วยว่าจะต้องทำอย่างไร
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังมีจุดยืนไม่ยอมรับโทษหรือความผิดใดๆ ทั้งสิ้น นายประสพสุข กล่าวว่า
ต้องยอมผ่อนปรนกันบ้าง แต่ปัญหาคือใครจะยอมก่อน อย่าไปคิดว่ามันเลยจุดที่จะเจรจากันแล้วทุกอย่างต้องเข้ากระบวนการยุติธรรมเพราะคดีความต่างๆจะทยอยตัดสินแล้ว ส่วนการยึดทรัพย์เป็นไปตามกระบวนการ ตนไม่คิดว่าเมื่อยึดทรัพย์แล้วปัญหาจะจบ แต่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องเดินต่อไป แม้พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยู่ในเมืองไทย หากถูกยึดทรัพย์ก็ต้องถูกยึด
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
