จากกรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ได้ใช้สิทธิหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขออัพเกรดบัตรโดยสารเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเดินทางไปต่างประเทศแก่ตนเองและครอบครัว มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท แต่จ่ายค่าบัตรโดยสารจริง เพียง 400,000 บาท ซึ่งพนักงานและผู้ถือหุ้นส่งเอกสารมาให้ตรวจสอบ จากกรณีดังกล่าว นางวรกร จาติกวณิช ภรรยานายกรณ์ ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางรัก เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2552 เรื่องถูกกล่าวหาว่าใช้อภิสิทธิ์อัพเกรดบัตรโดยสารเครื่องบินของการบินไทยนั้น
ม.ล.อัจฉราพร ณ สงขลา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน)
เปิดเผยเมื่อ 29 ธันวาคม ว่า การบินไทยได้ตรวจสอบเที่ยวบินทั้งหมด 21 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2552 ถึง 10 พฤศจิกายน 2552 พบว่า บัตรโดยสารทั้งหมดเป็นบัตรโดยสารที่จ่ายเงินทั้งสิ้นและการอัพเกรดต่างๆ เป็นการดำเนินการอย่างถูกต้อง และสามารถชี้แจงได้ดังต่อไปนี้ มีการอัพเกรด ด้วยสิทธิของนางวรกร ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรทอง รอยัล ออร์คิด พลัส (ROP) ทั้งนี้ การอัพเกรดตามสิทธิของสมาชิกบัตรทองของรายการสะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณีคือ
1.การใช้สิทธิเลื่อนชั้นบัตรโดยสารที่สมาชิกฯ บัตรทองทุกท่านจะได้รับ Complimentary Gold Upgrade เมื่อได้รับสถานภาพบัตรทองจากการบินสะสมไมล์ จำนวน 50,000 ไมล์ ภายใน 1 ปี หรือ 80,000 ไมล์ ภายใน 2 ปี
2.การใช้สิทธิเลื่อนชั้นบัตรโดยสารจาก Gold Upgrade Certificate 2009 ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษให้สำหรับสมาชิกฯบัตรทอง โดยสามารถใช้อัพเกรดได้เพียงเที่ยวเดียว และในกรณีที่มีที่นั่งว่างในชั้นที่ต้องการอัพเกรด
ม.ล.อัจฉรากล่าวว่า การอัพเกรดอื่นๆ เป็นการอัพเกรดที่หน้างาน ซึ่งเกิดขึ้นในกรณีที่เที่ยวบินนั้นๆ มีผู้โดยสารสำรองเกินจำนวนที่นั่งในชั้นประหยัดหรือชั้นธุรกิจ
ซึ่งอาจต้องมีการเลื่อนชั้นผู้โดยสารบางท่านเป็นชั้นเหนือขึ้นไปตามแนวทางการบริหารที่นั่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีหลักเกณฑ์ที่มีไว้ชัดเจนและถือว่าเป็นหลักสากลที่ทุกสายการบินทุกสายสามารถปฏิบัติได้ โดยพิจารณาจากความเหมาะสมต่างๆ โดยเฉพาะการให้ลำดับความสำคัญกับลูกค้าชั้นดีที่เดินทางสม่ำเสมอ ซึ่งนายกรณ์และครอบครัวเข้าข่ายดังกล่าว
บินไทย ยันอัพเกรดตั๋วเครื่องบิน กรณ์-เมีย ถูกต้อง
ม.ล.อัจฉรา กล่าวต่อว่า การอัพเกรดเป็นกรณีพิเศษที่ปรากฏอยู่บางเที่ยวบินนี้ เป็นกรณีที่สามารถปฏิบัติได้โดยมีหลักเกณฑ์เช่นกัน
ได้แก่ การอัพเกรดสำหรับผู้นำประเทศ ผู้ทำคุณประโยชน์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ข้าราชการประจำหรือการเมืองระดับสูงสุดที่เดินทางเป็นผู้แทนประเทศไทยในการประชุมระดับประเทศ ฯลฯ รวมทั้งผู้โดยสารที่เดินทางกับบริษัท ฯ แบบราคาเต็มอย่างต่อเนื่องยาวนานในชั้นธุรกิจ หรือชั้นหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนที่นั่งที่มีเหลืออยู่เท่านั้น โดยไม่มีสิ่งใดปรากฎว่านายกรณ์ ใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ สั่งการมายังการบินไทยแต่อย่างใด
"กรณีของนายกรณ์ จาติกวณิช และครอบครัวนั้น นายกรณ์และภรรยาเป็นลูกค้าระดับบัตรทองของการบินไทย มีไมล์สะสมจำนวนมาก ทั้งครอบครัวมีประวัติการเดินทางโดยบัตรโดยสารเต็มราคาเป็นประจำ มีสถิติการซื้อบัตรโดยสารของการบินไทยและเดินทางเป็นจำนวนมากตลอดมา อีกทั้งการอัพเกรดต่างๆ เหล่านี้ เป็นการดำเนินการด้วยกฎเกณฑ์ที่วางไว้"
อนึ่ง ในกรณีที่บริษัทฯ ได้มีการอนุมัติเป็นกรณีพิเศษใดๆ นั้นจะไม่มีการลิดรอนสิทธิ์ที่นั่งของ ผู้โดยสารปกติแต่ประการใดทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องสัมภาระน้ำหนักเกินจากสิทธิ์ของผู้โดยสารนั้น พบว่าการเดินทางของนายกรณ์และครอบครัวไม่ปรากฎว่ามีน้ำหนักเกินแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.30 น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานปราบโกงพร้อม นายการุณ โหสกุล นายจิรายุ พว่งทรัพย์ เดินทาง เข้าพบ พ.ต.ท.สุรชัย โลหะนาคบุตร พนักงานสอบสวน(สบ.2) กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
นอกจากนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ ยังได้มอบหลักฐานเป็นเอกสารบันทึกการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรณ์ฯ และครอบครัวมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้
สำหรับการเดินทางเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของพนักงานการบินไทยส่งหลักฐานเอกสารต่างๆ ของนายกรณ์ฯ และครอบครัว ที่มีการอัพเกรดที่นั่งสายการบินมาให้ตรวจสอบจนพบว่าเอกสารที่ได้มานั้นถูกต้องและเป็นของจริง จึงได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนและเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ช่วยรวบรวมหลักฐานดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เพราะเป็นถึงรัฐมนตรีมีหน้าที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของรัฐแต่กลับใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์กับตนเองซึ่งไม่ถูกต้อง
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่าหลังจากที่ตนมีการติดตามเรื่องนี้แล้วปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.)
ได้มีรถขับตามมาถึงที่บ้านพร้อมกับมีการถ่ายภาพที่บ้านไป ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ทำให้ตนกลัว เพราะเป็นทหารเก่ารู้เรื่องอย่างนี้ดีว่าคงต้องมีใครเป็นผู้บงการขอฝากไปบอกด้วยว่าให้หยุดทำเช่นนี้เสีย "มาข่มขู่แบบนี้หยุดผมไม่ได้ ส่วนกรณีที่ นางวรกร จาติกวณิช เข้าแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหายถึง 30 ล้านนั้น หากพนักงานสอบสวนมีหมายเรียกตัวมาก็จะเดินทางไปพบเพื่อขอต่อสู้คดีให้ถึงที่สุดเหมือนกัน" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ทางด้าน พ.ต.ท.สุรชัย กล่าวว่าในชั้นนี้ทางกองปราบปรามจะต้องสอบสวนปากคำ น.อ.อนุดิษฐ์ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบในรายละเอียดเพื่อะพิจารณาต่อไป