แค่เสียใจไม่พอ"สิมารักษ์"รอคำขอโทษ"คำรบ" "ศิวรักษ์"อโหสิกรรมทุกคนก่อนอุปสมบท แม่"สิมารักษ์"ปัด"คำรบ"ติดต่อ "ศิวรักษ์"เปิดใจก่อนบวชขออโหสิกรรมให้ทุกคนไม่คิดจะฟ้องใคร เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 52 นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ อายุ 31 ปี วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับตัว พร้อมด้วยนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดา และเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันที่ประเทศกัมพูชา ได้นั่งรับประทานอาหารกับแม่ญาติและเพื่อนๆที่บ้านพักของมารดา ภายในวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา โดยช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค. 52) เวลา 06.00 น. นายศิวรักษ์ มีกำหนดการที่จะบวชที่วัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่บรรยากาศภายในวัด พระอาจารย์สมรศักดิ์ สิริธรรมโม พระลูกวัดวัดป่าศรัทธารวม ซึ่งเป็นหลวงลุงของนายศิวรักษ์ ได้เตรียมงานบวชให้กับนายศิวรักษ์ ด้วยการปัดกวาดเช็ดถูกุฏิที่พัก และเตรียมจัดสถานที่ โต๊ะ เก้าอี้ พร้อมทั้งเตรียมเครื่องอรรถบริขาร เช่นช่อฟ้า ตาลปัตร ผ้าไตรจีวร บาตร ชุดนาค หมอนไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายศิวรักษ์ มีกำหนดเข้าโบสถ์ในเวลา 08.30 น. โดยมีพระครูสิทธิวรญาณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าศรัทธารวม เป็นพระอุปัชชา สำหรับฉายาของนายศิวรักษ์ คือ "พระศิวรักษ์ ธรรมวโร" ซึ่งแปลว่าผู้มีธรรมอันประเสริฐ ทั้งนี้นายศิวรักษ์ จะบวชเป็นเวลา 9 วัน และจะลาสิกขาบทในวันที่ 30 ธ.ค.52 นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย กล่าวเปิดใจก่อนที่จะบวชว่า "รู้สึกดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี และก็ตั้งใจว่าในช่วงที่บวชจะตั้งใจศึกษาพระธรรมให้ได้มากที่สุด และทำจิตใจให้สงบไม่คิดเรื่องอะไร ซึ่งการบวชครั้งนี้เป็นความตั้งใจไว้แต่ต้นแล้วว่าตนจะบวชทดแทนบุญคุณให้คุณแม่ในปีหน้า แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ตนก็เลยตั้งใจบวชครั้งนี้เลยทีเดียว" เมื่อถามว่าการที่นายคำรบออกมาพูดขอโทษรู้สึกอย่างไร นายศิวรักษ์ กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะอโหสิกรรมให้อยู่แล้ว ถ้านายคำรบขอโทษและแสดงความเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนความเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งตนคิดว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนให้ตนระมัดระวังคำพูด และคิดหน้าคิดหลังให้ดีหากจะทำงานตรงนี้ ซึ่งการมีเรื่องนี้เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าใครรักเราและดีกับเรา และพอมาถึงวันนี้ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และเรื่องจัดฉากก็ไม่ควรเอามาพูดกันอีกแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และไม่มีใครได้ผลดีหากมีการจัดฉากทั้งตนและทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการแจ้งความใครหรือฟ้องใครหรือไม่นั้นตนยังไม่มีความคิดในเรื่องการฟ้องร้อง อยากให้เรื่องมันจบไปไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอีก ตนอยากฝากขอบคุณคนไทยทุกคนที่เป็นห่วง และเอาใจช่วยมาตลอดและครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งมากและขอขอบคุณทุกคน นายศิวรักษ์ กล่าว
"สิมารักษ์" เผยความห่วงใจและเสียใจจะมีความหมายอะไร รอคำขอโทษ"คำรบ" แจงโดนทั้งเหลือง-แดงประณาม ขณะที่"ศิวรักษ์" ขออโหสิกรรมให้ทุกคนก่อนเข้าอุปสมบท ไม่คิดฟ้องใคร
นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ถูกศาลกัมพูชาสั่งจำคุกฐานจารกรรมข้อมูลการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะได้รับอภัยโทษ เปิดเผยที่บ้านพักครู ภายในวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมาอ.เมืองนครราชสีมา ถึงกรณีนายคำรบ ให้สัมภาษณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าที่ระบุว่านายคำรบพยายามติดต่อกับนายศิวรักษ์ ภายหลังจากเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยนั้น แท้จริงแล้วในวันนั้น น.ส.มธุรพจนา อิทธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ที่ติดต่อมาให้ ตนและบุตรชาย ไปพบนายคำรบ ที่กระทรวงการต่างประเทศ แต่ได้ปฏิเสธไป เนื่องจากนายศิวรักษ์ เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทย รู้สึกเหนื่อยล้าและเครียด ไม่พร้อมจะเดินทางไปไหน
นายสิมารักษ์กล่าวว่า การกระทำของนายคำรบ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ นายคำรบต้องมาพบเราถึงจะเหมาะสมกว่า ที่สำคัญนายคำรบ ไม่ได้บอกเหตุผลที่จะให้ไปพบเพื่ออะไร ดังนั้นที่นายคำรบพยายามติดต่อมานั้นไม่เป็นความจริง ทั้งๆ ที่โทรศัพท์มือถือของตน เปิดสายตลอดเวลา
แค่เสียใจไม่พอรอคำขอโทษ
" ที่นายคำรบ ระบุว่า ฝากบอกคนกลางว่าอยากจะคุยด้วย เพื่อแสดงความห่วงใย และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีคำว่าขอโทษเลย หากไม่มีคำขอโทษ ความห่วงใยและเสียใจ จะมีความหมายอะไร ไม่สามารถเยียวยาแผลนี้ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นคนทั้งประเทศไทย มีความเสียใจกันทั้งนั้น หากนายคำรบ อยากจะพูดแสดงความรู้สึกก็ขอให้พูดผ่านสื่อเพื่อให้คนทั้งประเทศรับทราบด้วย ไม่ใช่จะมากระซิบข้างหูนายศิวรักษ์ว่าขอโทษนะเพื่อน หากเป็นเช่นนี้ไม่สามารถรับได้ คำว่าขอโทษเพียงคำเดียวนั้นเอ่ยออกมายากเย็นขนาดนั้นเชียวหรือ ดิฉันและบุตรชาย ไม่ได้เป็นคนใจดำ เราพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ ซึ่งก้าวแรกลงมาจากเครื่องบิน นายศิวรักษ์ เอ่ยคำว่าขอ อโหสิกรรมให้นายคำรบ แต่นายคำรบ ทำท่าทีเพิกเฉยราวกับไม่ได้ยินเลยหรือ " นายสิมารักษ์กล่าว
นางสิมารักษ์กล่าวว่า บทสัมภาษณ์ของนายคำรบนั้นตนพอใจบางส่วน หากนายคำรบนำเรื่องนี้มาพูดสู่สาธารณะตั้งแต่แรกเริ่ม บุตรชายคงไม่ต้องเข้าไปทุกข์ทรมานอยู่ในคุกถึง 32 วัน แต่ช่วงเริ่มแรกที่เกิดเรื่องทำไมนายคำรบ ไม่ออกมาปกป้อง แก้ต่าง พูดความจริงว่าบุตรชายตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากไม่ได้รับการอภัยโทษ ต้องรอไปอีก 7 ปีหรือ
เผยเสื้อ"แดง-เหลือง"ต่างประณาม
นายสิมารักษ์กล่าวว่า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นตน และครอบครัวไม่ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศเลย คนเป็นแม่ เมื่อได้รับทราบว่าเกิดเรื่องสติแทบแตก ผู้ที่ประสานงานให้คือเพื่อนๆ นายศิวรักษ์ ทำให้ตน ครอบครัว และเพื่อนๆ ของบุตรชายไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รับการติดต่อเพื่อที่จะช่วยเหลือจากกระทรวงการต่างประเทศ หลายฝ่ายก็เริ่มติดต่อเข้ามา นายอภิสิทธิ์ ก็โทรศัพท์มาให้กำลังใจ จึงมีความหวัง และกำลังใจที่จะต่อสู้มากขึ้น
นางสิมารักษ์กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ว่าข้อความที่ระบุว่า นายศิวรักษ์ เป็นเหยื่อของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แท้จริงแล้วหากมองผิวเผิน ก็เป็นเหยื่อจริงๆ แต่ไม่ต้องการให้ถูกมองว่าเป็นเหยื่อ หรือหมากที่วางไว้ เพราะการเป็นเหยื่อโอกาสรอดชีวิตมันยาก ขอให้สังคมมองว่าเป็นการหลุดเข้าไปในวงโคจรการเมืองโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่ผ่านมาตน และครอบครัวถูกสื่อหลายฝ่ายประณามมาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง น้องชายของตนที่อยู่ จ.เชียงใหม่ ก็ถูกกลุ่มเสื้อแดงรุมประณามต่อว่าต่างๆ นานา และยังมีการเขียนจดหมายมาขู่ตน และครอบครัวอีก
" บาดแผลที่ตกเป็นจำเลยที่ประเทศกัมพูชา และยังกลับมาถูกครหาถูกเกลียดชังในแผ่นดินเกิด ได้รับผลกระทบหลายด้านนั้นยากที่จะเยียวยา แต่ด้วยกำลังใจจากหลายฝ่ายทำให้ ดิฉัน และบุตรชายมีกำลังฝ่าฟันไปได้ ดังนั้นการให้สัมภาษณ์ของนายคำรบนั้นยังไม่พอใจเท่าที่ควร แต่ยังดีกว่าไม่พูดเลย เพียงแต่ผิดช่วง ผิดเวลา ที่ออกมาพูดช้าไป
แค่เสียใจไม่พอสิมารักษ์รอคำขอโทษคำรบ ศิวรักษ์อโหสิกรรมทุกคนก่อนอุปสมบท
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง แค่เสียใจไม่พอสิมารักษ์รอคำขอโทษคำรบ ศิวรักษ์อโหสิกรรมทุกคนก่อนอุปสมบท