คมชัดลึก : "จตุพร" ปูดเอกสารลับบัวแก้ววางแผนกำจัดทักษิณ-ประกาศสงครามเขมร "บัวแก้ว" เต้นสั่งตั้ง กก.สอบข้อมูลรั่ว ประสานอัยการสูงสุดเอาผิด "จตุพร"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคได้รับเอกสารลับ ที่ลงนามโดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทำหนังสือเอกสารลับที่ กต. 1303/2355 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 ส่งถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีเอกสาร 2 ฉบับ คือ 1.เอกสารแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และ 2.ตารางการส่งสัญญาณและระดับความรุนแรง เพื่อเตรียมมาตรการป้องปรามและตอบโต้การกระทำของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่นายจตุพรนำมาแจกจ่ายสื่อมวลชนคือ แนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา มี 3 หน้า ทุกหน้าประทับตรา "ลับมาก" โดยนายกษิตลงนามในหน้าสุดท้าย เนื้อหาสำคัญมีการจำแนกแนวทางปฏิบัติเป็นรายหัวข้อ เช่น 1.วิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา โดยชี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นภัยหลัก มุ่งคุกคามความอยู่รอดของรัฐบาล อาศัยกลยุทธ์ที่สำคัญ 2 ด้าน คือ ความร่วมมือจากนายกฯ กัมพูชา และการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านต่างๆ ในประเทศ 2.แนวทางการดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคาดหวัง โดยไม่เริ่มมาตรการตอบโต้ และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างส่วนราชการ ให้ข้อมูลต่อฝ่ายต่างๆ โดยอาจพิจารณาชิงให้ข้อมูลก่อน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง สร้างความเป็นเอกภาพในประเทศไทย รวมถึงรัฐบาลไทยเอง เพื่อมุ่งเป้าให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีโอกาสได้คืนสู่อำนาจอีกครั้ง
นายจตุพรกล่าวว่า เอกสารดังกล่าวได้ดำเนินการและตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อกฎหมายไทย อาทิ ข้อ 1 วิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลัก ข้อ 2 ระบุว่าจะมีการเร่งพิจารณาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังค้างอยู่ และเร่งคดียึดทรัพย์อดีตนายกฯ ให้เสร็จภายในวันที่ 6 มกราคม 2553 ซึ่งจะไปสอดคล้องกับเอกสารอีกฉบับที่ตนยังไม่อยากเปิดเผยคือ "พัฒนาการเป้าหมายและแนวทางดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา" ซึ่งมีการระบุชัดเจนว่าต้องทำให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2552
ข้อ 3 จุดหมายปลายทาง ต้องคำนึงถึงว่าจุดประสงค์ของไทยคือการปรับความสัมพันธ์สู่ปกติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในกัมพูชานั้น แสดงว่านายกษิตและกระทรวงการต่างประเทศมีข้อมูลว่าจะมีการปฏิวัติในกัมพูชา เมื่อกระทรวงต่างประเทศรู้ข่าวนี้ จึงออกมาพูดว่า ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในกัมพูชา แล้วนายกษิตไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับกระบวนการภายในกัมพูชา ถือเป็นการแทรกแซงการปกครองในกัมพูชาหรือไม่
นายจตุพรกล่าวว่า ที่น่าสนใจในข้อ 3.3 ยังมีการระบุถึงมาตรการตอบโต้ขั้นเลวร้ายที่สุด หาก พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมกันกระทำการใดๆ จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในวงกว้าง คุกคามอำนาจอธิปไตยไทยและสถาบันสำคัญ ซึ่งรวมถึงการดำเนินกิจกรรมเสมือนการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในกัมพูชา ก็จำเป็นที่รัฐบาลไทยต้องพิจารณาตัดความสัมพันธ์ทางการทูต และยกเลิกการติดต่อทุกด้าน รวมถึงการใช้มาตรการทางการทหารเพื่อปกป้องอธิปไตย จึงเท่ากับว่ารัฐบาลนี้ดำเนินนโยบายทางการทูตที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศเพื่อนบ้านและเตรียมประกาศสงครามใช่หรือไม่
"แผนการทั้งหมดอยากให้นายกษิตออกมาตอบโต้ แต่ยืนยันว่าผมมีรายละเอียดทั้งหมด เพียงแค่เอกสารนี้ก็มากพอ 1.มีความพยายามจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมให้เร่งรัดคดี พ.ต.ท.ทักษิณ 2.ไปยุ่งเกี่ยวกิจกรรมภายในกัมพูชา 3.หมายเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ 4.เตรียมประกาศสงคราม" นายจตุพรกล่าว
ส่วนเอกสารลับที่นำมาเปิดเผยนั้น นายจตุพรอ้างว่าได้มาจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ที่มอบผ่านมาทางนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน ซึ่งพร้อมจะเปิดเผยอีกครั้งภายในวันที่ 21 ธันวาคมนี้
บัวแก้วประสานอสส.เอาผิดจตุพร
นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า หนังสือดังกล่าวเป็นรายงานการวิเคราะห์พัฒนาการและแนวโน้มความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งเป็นเอกสารชั้นความลับ ซึ่งกระทรวงไม่สามารถให้รายละเอียดของหนังสือดังกล่าวได้ แต่ทราบว่ามีการเผยแพร่ไปยังหน่วยงานราชการด้านความมั่นคง เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวเป็นชั้นความลับ และมีความละเอียดอ่อนจึงไม่อยากให้มีการเผยแพร่ต่อ
เมื่อถามว่า ผู้นำเอกสารออกเผยแพร่จะมีโทษอย่างไร นายธานีกล่าวว่า มี พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.2540 และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ พ.ศ.2544 กำกับอยู่ ซึ่งต้องพิจารณาว่า การดำเนินการนั้นมีความผิดทางอาญา และขัดต่อ พ.ร.บ.และระเบียบดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องดูว่าสิ่งที่นายจตุพรเผยแพร่ต่อสาธารณชนนั้นเป็นไปในลักษณะใด และต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อัยการสูงสุด ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่า การสอบถามไปยังอัยการสูงสุดจะใช้เวลาดำเนินการเท่าไร และผลออกมาจะเป็นอย่างไร นายธานี กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการของกระทรวง ซึ่งตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ ทางกระทรวงจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วย ข้าราชการระดับบริหารของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรต้องรอฟังจากคณะกรรมการดังกล่าวเสียก่อน ส่วนการหารือกับอัยการสูงสุดต้องดูในบริบทของการดำเนินการใดๆ ที่ผิดทางอาญาหรือไม่
เมื่อถามว่า นายจตุพรอ้างว่านำเอกสารดังกล่าวมาจากข้าราชการ นายธานีกล่าวว่า ต้องสอบสวนว่าเอกสารดังกล่าวออกมาจากข้าราชการคนไหน ส่วนโทษฐานที่จะได้รับจากการเปิดเผยนั้น จะต้องรอผลจากการสอบสวนของคณะกรรมการก่อน เนื่องจากเอกสารดังกล่าวมาจากหลายหน่วยงาน ซึ่งต้องดูว่ารั่วจากตรงไหน
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศกังวลว่าเอกสารที่หลุดมาจะนำไปอภิปรายโจมตีในสภาหรือไม่ นายธานีกล่าวว่า ตามความเข้าใจเอกสารดังกล่าวเป็นรายงานถึงนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการวิเคราะห์และแนวโน้มความสัมพันธ์ของกัมพูชา ซึ่งเป็นชั้นความลับ แต่หากถูกเปิดเผยหรือหลุดออกไปใช้ในการอภิปรายในสภาก็ต้องติดตามดู ตนไม่อยากจะคาดเดา ซึ่งการเผยแพร่เอกสารดังกล่าวขัดต่อ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารอยู่แล้ว มีผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยข้อมูลโทรศัพท์ของนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ว่ามีการโทรศัพท์ถึงนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ จริงนั้น นายธานีกล่าวว่า ไม่มีข้อมูลในส่วนนั้น เพราะเป็นข้อมูลที่กัมพูชาหามาได้ คิดว่าเป็นรายการหมายเลขโทรศัพท์เข้าออก คล้ายกับใบเสร็จเรียกเก็บเงินของบริษัทมือถือค่ายต่างๆ ส่วนตัวคิดว่าเอกสารดังกล่าวไม่ได้บ่งบอกอะไร
“สุเทพ”ปัดเอกสารบัวแก้ววางแผนลอบสังหาร“ทักษิณ”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยทราบและไม่เคยเห็นเอกสารดังกล่าว ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือของเท็จ แต่คิดว่าเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อถือ เรามีปัญหาสำคัญในบ้านเมืองที่ต้องรีบแก้ไขมากกว่าไปสนใจเรื่องนี้ ส่วนที่ระบุว่าเอกสารดังกล่าวมีการลงนามโดยนายกษิตนั้น คงต้องไปถามนายกษิตเอง
เมื่อถามว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการวางแผนเป็นขั้นตอนในการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ นายสุเทพ ตอบว่า ไม่มี ตนไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่คิดว่ามี ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารดังกล่าวลงวันที่ 16 พ.ย. จะเชื่อมโยงกับกรณีที่นายกษิตเดินทางมาพบนายสุเทพ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.หรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า นายกษิตมาพูดคุยกับตนเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาติดตามอะไร
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ในกัมพูชาถึงวันที่ 21 ธ.ค.นี้ จะให้กระทรวงต่างประเทศทำหนังสือขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในเมืองไทยหรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า ก็เคยทำไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ให้ เมื่อถามว่า แสดงว่ารัฐบาลถอดใจในการทำหนังสือขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับเมืองไทย นายสุเทพ ตอบว่า ไม่ทราบ กระทรวงต่างประเทศคงหาวิธีการของเขา