ทันทีที่มาถึงเมืองไทย และแถลงต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ
ก็จะเห็นว่านายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ เป็นคนที่ฉลาดเฉลียวในการพูดจาอย่างยิ่ง
คำแถลงของคนไทยที่ตกเป็นข่าวเกรียวกราวมานานนับเดือนคนนี้ เผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่เขมร
ได้ชัดเจนขึ้นแยะ!
ซึ่งคนไทยที่ติดตามข่าวสารทั้งหลาย ก็ต้องให้เกียรติที่จะเชื่อถือในคำพูดด้วย
อย่าด่วนตั้งแง่ หรือวิเคราะห์อะไรเตลิดเปิดเปิง
อย่างแรกเลยที่นายศิวรักษ์ชี้แจง คือการจัดฉาก
เขาพุ่งไปในประเด็นที่มีการกล่าวหาว่า ตัวเขา มารดา และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รู้เห็นเป็นใจสร้างเรื่องขึ้นมา
นายศิวรักษ์ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง
ประเด็นนี้ ต้องถือเป็นความผิดพลาดจริงๆ ของคนที่ตั้งเรื่องกล่าวหาขึ้นมา
นายศิวรักษ์เอง คงไม่ได้ร่วมกระบวนการจัดฉากแน่นอน
แต่ใครจะจัดฉากในส่วนอื่น นอกเหนือจากที่ตัวเขารับรู้ อันนั้นคงต้องทิ้งไว้ให้เป็นวิจารณญาณ
นายศิวรักษ์ถึงแม้จะสงวนคำพูด เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลกัมพูชา
แต่รายละเอียดของเหตุการณ์ที่ทำให้ถูกจับ บอกให้รู้ว่าเขาปฏิเสธข้อกล่าวหา"สายลับ"อย่างสิ้นเชิง
เขาไม่เคยเป็นสายลับมาจารกรรมข้อมูลของเขมร
เขาไม่ได้ทำผิด เรื่องจัดส่งข้อมูลลับทางการบิน
"แคทส์คล้ายกับวิทยุการบินของไทย ดูแลบนน่านฟ้าของกัมพูชา ข้อมูลเราจะรู้เฉพาะเครื่องบินเข้าออก แต่ไม่รู้มีใครอยู่ในเครื่องบ้าง เพราะไม่ใช่ส่วนรับผิดชอบของบริษัท
"สาเหตุที่เป็นปัญหาคือคนที่โทร.มาคือนายคำรบ เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต ทางรัฐบาลกัมพูชาโยงเป็นประเด็นว่า นายคำรบมีเจตนาจะทำร้ายหรือปองร้ายอะไรหรือไม่ ตอนที่คุยก็ไม่ได้สนใจประเด็นนั้นอยู่แล้ว
"เพื่อนถามเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องธรรมดา คนไทยทุกคนอยากทราบความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง
"ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ เครื่องก็ลงไปแล้ว ทางโน้นมองเป็นเรื่องอาญา มองว่าเป็นความลับ
"เขาถามว่าเป็นเครื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ ผมทราบว่ามีเครื่องวีไอพีลง แต่ไม่ทราบว่ามีใครอยู่ข้างใน และตอนนั้นเครื่องบินลงไป 20 นาทีแล้ว
"ผมไม่ได้ก๊อบปี้ข้อมูล การส่งข้อมูลคือการโทรศัพท์ ไม่มีการส่งเอกสาร และไม่คิดว่าตัวเองเป็นสปาย
"ถ้าเป็นสปายเขาคงจับผมไม่ได้ คงไม่มีหลักฐานทิ้งไว้"
เมื่อสิ้นอิสรภาพไปอยู่ในคุกเขมร นายศิวรักษ์และมารดาก็อ่านสถานการณ์ได้ทะลุ
เขาจึงไม่คิดอุทธรณ์สู้คดี และก็เห็นด้วยที่กระทรวงการต่างประเทศ จะคอยช่วยเหลือห่างๆ พอ
บทสรุปของเขา ก็ตรงกับที่คนส่วนใหญ่มอง
"ผมรู้สึกว่าผมเป็นเหยื่อ"