สุเทพขอเวลา2วันตรวจสอบเครื่องบินขนขีปนาวุธ ชี้ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค มาร์ค บอกทำตามมติยูเอ็น-กม.ไทย

"สุเทพ"ขอเวลา2วันตรวจสอบเครื่องบินขนขีปนาวุธ ชี้ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค "มาร์ค" บอกทำตามมติยูเอ็น-กม.ไทย

ตำรวจ-ทหารบุกค้นเครื่องบินลำเลียงทหาร สัญชาติจอร์เจีย ขอจอดแวะเติมน้ำมัน"ดอนเมือง" ตะลึงเจออาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิด 145 กล่อง หนัก 35 ตัน สั่งอายัดทันที รวบนักบินและ จนท.รวม 5 นาย เป็นชาวเบลารุส 1 คาซักสถาน 4 "สุเทพ"ขอเวลา 2 วันตรวจสอบ "มาร์ค"ชี้จำเป็นต้องทำตามมติยูเอ็น-กม.

"มาร์ค"ระบุยึดเครื่องบินขนอาวุธ จำเป็นต้องทำตามมติยูเอ็น-กม.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำคลังสินค้าภายในประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เข้าทำการตรวจสอบเครื่องบินลำเลียงแบบทหาร รุ่น IL 76 (อิลยูชิน 76) สีขาว เลขข้างตัวเครื่อง 4L-AWA สัญชาติคาซัคสถาน ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ เพื่อขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยจากการตรวจสอบพบอาวุธสงคราม ประมาณ 35-40 ตัน ว่า ไทยจำเป็นต้องทำตามมติของสหประชาชาติและกฎหมายภายในประเทศอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ต้องหาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้ประสานไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบจุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ไหน แต่เชื่อว่าน่าจะนำเครื่องบินจอดเติมน้ำมันที่ประเทศศรีลังกา ยืนยันว่าไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว


"สุเทพ"ขอเวลา 2 วันตรวจสอบเครื่องบินขนอาวุธสงคราม


ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ว่า ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบรายละเอียด โดยเรื่องนี้ต้องระวังในการเสนอข่าว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวพันกับกฎหมายทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งเกี่ยวพันกับหลายประเทศทั้งประเทศเจ้าของเครื่องบิน ประเทศที่นักบินถือสัญชาติอยู่ ประเทศที่เป็นผู้ขายและซื้อสินค้า ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีเจตนาร้ายต่อประเทศใด หรือมีส่วนได้เสียในเรื่องนี้ เพียงแต่ต้องทำกฎหมายบ้านเมือง และจะทำทุกอย่างให้โปร่งใส สามารถอธิบายได้กับทุกประเทศที่เกี่ยวข้องในเรื่องอย่างตรงไปมา และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงภายในประเทศไทย


เมื่อถามว่า ก่อนหน้าที่จะมีการจับกุม ได้ประสานงานมาจากประเทศอื่นๆ ในการจับกุมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ขอเวลาอีก 1-2 วันจะมีความชัดเจน เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าจำนวน 35-40 ตัน มีอะไรบ้าง กี่ชนิด มาจากที่ใด ใครเป็นผู้ซื้อหรือขาย


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการขนอาวุธร้ายแรงจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร และจะเปิดเผยให้ประชาชน ประเทศที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึงทีมสอบสวนเรื่องนี้จะใช้ทีมของคนไทยทั้งหมด และต้องรายงานให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รับทราบด้วยใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล ได้ติดตามและดูแลอย่างดี การจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค


จับค้าอาวุธสงครามโสมแดงครั้งใหญ่


เหตุการณ์บุกจับขบวนการค้าอาวุธสงครามข้ามชาติครั้งใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 12 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำคลังสินค้าภายในประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พร้อมด้วยตำรวจสันติบาล นำกำลังเข้าตรวจสอบเครื่องบินลำเลียงแบบทหาร รุ่น IL 76 (อิลยูชิน 76) สีขาว เลขข้างตัวเครื่อง 4L-AWA สัญชาติจอร์เจีย ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ เพื่อขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน


จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบตู้เหล็ก และลังไม้ขนาดใหญ่ บางส่วนแยกบรรจุหีบห่อมาอย่างดี โดยบรรทุกมาเต็มลำเครื่อง จำนวน 145 กล่อง น้ำหนักรวมประมาณ 35 ตัน  แต่ภายในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดกลับเป็นอาวุธสงคราม ประเภทอาวุธหนักหลายชนิด เช่น ท่อส่งจรวด หัวจรวด จรวดอาร์พีจี ปืนกลติดรถยนต์ เป็นต้น โดยอาวุธประเภทท่อส่งจรวดนั้นมีรายงานว่าเป็นท่อส่งจรวดที่ยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ หรือกราวด์มิสไซล์ 


หลังตรวจสอบอาวุธสงครามบนเครื่องบินเจ้าหน้าที่ เชิญตัวชาวต่างชาติทั้งหมด 5 คน เป็นชาวเบลารุส 1 คน คาซักสถาน 4 คน ในจำนวนนี้มีนักบินรวมอยู่ด้วยให้ลงจากเครื่องเพื่อขอทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นมีรายงานว่าชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสิ่งของที่อยู่บนเครื่องนั้นเป็นเพียงชิ้นส่วน หรืออะไหล่ของอาวุธสงครามเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงและมีพิรุธในการสำแดงรายละเอียดของสินค้าจึงรายงานผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทราบก่อนจะอายัดเครื่องบิน และสินค้าทั้งหมดไว้ พร้อมกับควบคุมตัวชาวต่างชาติทั้ง 5 คน เพื่อรอการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง


ต่อมาเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารอากาศ และทหารบก ได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาขนถ่ายอาวุธสงครามทั้งหมดออกจากเครื่องบิน ก่อนจะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ทางกองบังคับการปราบปราม มี พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. นำล่ามจากตำรวจท่องเที่ยวเข้าทำการสอบปากคำชาวต่างชาติทั้งหมด


รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวมาลงจอดที่ประเทศไทยเพื่อเติมน้ำมัน จากนั้นทั้งหมดนำเครื่องบินเดินทางไปยังกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ก่อนที่จะบินผ่านประเทศไทยในวันนี้และขอแวะลงจอด โดยอ้างว่าขอเติมน้ำมันและเปลี่ยนอะไหล่ล้อเครื่องบิน แต่มาถูกตรวจสอบพบว่าในลำเครื่องมีการบรรทุกลำเลียงอาวุธสงครามมาเต็มลำ โดยอาวุธสงครามทั้งหมดนี้คาดว่านำมาจากเกาหลีเหนือแต่จุดหมายปลายทางเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นประเทศศรีลังกา โดยลำเลียงอาวุธไปส่งยังประเทศแถบตะวันออกกลาง ให้กับพวกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตาม ในการขนส่งอาวุธสงครามผ่านน่านฟ้าประเทศไทยนั้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดฐานสำแดงเท็จด้วย แต่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ


ส่วนของกลางอาวุธสงครามทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ เจ้าหน้าที่ทหารได้นำขึ้นรถบรรทุกไปเก็บรักษาไว้ที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 ทหารอากาศ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จากนั้นจะประสานพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สรรพาวุธ ร่วมกันตรวจสอบอาวุธสงครามทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนชาวต่างชาติทั้งหมดหลังจากสอบสวนที่คลังสินค้า ดอนเมืองแล้วพนักงานสอบสวนจะนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมและควบคุมตัวไว้ที่กองปราบปราม


รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ไทยได้รับการประสานทางการข่าวจากประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีข้อมูลการลักลอบค้าอาวุธสงครามระหว่างประเทศ ดังนั้น เมื่อเครื่องบินลำดังกล่าวมาขอลงจอดเติมน้ำมันในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังทั้งตำรวจและทหารเข้าตรวจค้นจึงพบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวขนอาวุธสงครามจำนวนมาก แต่เนื่องจากอาวุธสงครามทั้งหมดอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งตามกฎหมายถือว่าอยู่นอกราชอาณาจักรไทย จึงต้องใช้อำนาจทางอัยการสูงสุดเพื่อมอบอำนาจให้ตำรวจดำเนินการต่อ เบื้องต้นได้เตรียมบันทึกจับกุมในข้อหาร่วมกันลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาในราชอาณาจักรและความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ

ค่ำวันเดียวกัน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การจับกุมมีขึ้นหลังจากที่เครื่องบินดังกล่าวลงจอด ณ สนามบินดอนเมือง และพบวัสดุต้องสงสัยบนเครื่อง และได้ควบคุมตัวลูกเรือ 5 คนไว้แล้ว อย่างไรก็ดีไม่สามารถยืนยันได้ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวซึ่งออกจากเกาหลีเหนือกำลังมุ่งหน้าไปยังที่หมายใดในเอเชียแต่คาดว่าจะเป็นประเทศในเอเชียใต้


นายธานี ทองภักดี รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การควบคุมเที่ยวบินลำดังกล่าวของไทยเป็นการดำเนินการในฐานะรัฐภาคีของสหประชาชาติ ตามข้อมติของสหประชาชาติที่ 1874/2009 ว่าด้วยเรื่องเกาหลีเหนือ ซึ่งหนึ่งในรายละเอียดของข้อมติคือการห้ามการขนส่งอาวุธจากเกาหลีเหนือ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายความมั่นคงได้รับการแจ้งเบาะแส โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยังอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดของอาวุธต้องห้ามที่พบว่ามีอะไรบ้าง


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์