คมชัดลึก :“อดีตศรภ.”แฉเหตุติดจรวดปิดคดี “ศิวรักษ์” เขมรผวาไทยซัดกลับ “ดักฟังทูต” เชื่อ “ทักษิณ” ไม่กล้าไปรับวิศวกรเหตุกลัวถูกจับได้ “จัดฉาก” หยาม “รัฐไทย” เดินตามเกมแม้วจนโงหัวไม่ขึ้น ต้องรอทักษิณสะดุดขาตัวเองถึงจะสู้ได้
(12ธ.ค.) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) กล่าวถึงการอภัยโทษนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ว่า การที่ศาลกัมพูชาและกระบวนการพระราชทานอภัยโทษดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่ากัมพูชากลัวว่าฝ่ายไทยจะยกกรณีที่ทางการกัมพูชาดักฟังโทรศัพท์ของทูตไทยที่โทรศัพท์ไปหานายศิวรักษ์ ขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้เพราะกัมพูชาใช้ข้อมูลทางโทรศัพท์ในการตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดธรรมเนียมการทูตและผิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วย
และโดยปกติแล้วข้อมูลจากการดักฟังโทรศัพท์นั้นศาลจะไม่รับพิจารณา ซึ่งการเปลี่ยนตัวทนายความจากนายเกา โสภา ที่มีแนวคิดจะยกเรื่องการดักฟังโทรศัพท์มาต่อสู้ มาเป็นนายเขียว สัมโบ ซึ่งรัฐบาลฮุนเซน หามานั้นก็มาจากความกลัวว่าทนายความที่ไม่ใช่คนของเขาจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาต่อสู้ กัมพูชาจึงรีบปิดคดีนี้ลงให้เร็วที่สุด
“ถ้าคดีนายศิวรักษ์ทำผิดจริง หรือกัมพูชาคิดว่าเขาได้เปรียบเรา ตามสไตล์ของฮุนเซนแล้วจะต้องดึงเรื่องไว้อีกเป็นปีเพื่อเก็บไว้เป็นไพ่ในการต่อรองกับไทยในเรื่องอื่น ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการรีบเร่งปิดให้เร็วที่สุดเพราะรู้ดีว่าคดีนี้มีจุดอ่อนที่ถ้าหากฝ่ายไทยยกขึ้นมาต่อสู้ ทิศทางของคดีจะต้องเปลี่ยนไป” พล.ท.นันทเดช กล่าว
พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า มั่นใจว่าวันที่ 14 ธ.ค.ที่จะมีพิธีส่งมอบตัวนายศิวรักษ์นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่กล้าเดินทางเข้าไปที่กัมพูชาเพื่อไปรับด้วยตัวเอง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ปฎิเสธไม่ได้ว่ารู้จักกับพ่อและแม่ของนายศิวรักษ์ จะทำให้จะถูกครหาอย่างหนักว่าจัดฉากนี้ขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย
“เกมนี้รัฐบาลไทย เดินตามหลังพ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด ต้องคอยแก้เกมอยู่ฝ่ายเดียว รัฐบาลนั้นรู้อยู่แล้วว่าคดีนี้มีช่องโหว่และมีลักษณะของการจัดฉากขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถที่จะนำความจริงมาเปิดเผยได้ ดังนั้นก็ต้องรอให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินสะดุดขาตัวเองเท่านั้นรัฐบาลจึงจะกลับมาได้เปรียบซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำอยู่บ่อย ๆ ”พล.ท.นันทเดช กล่าว