ชะตากรรมศิวรักษ์ ใครคือผู้กำหนด?

กรณีศาลชั้นต้นกัมพูชาพิพากษา "ศิวรักษ์ ชุติพงษ์" วิศวกรไทย บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด หรือแคทส์ บริษัทในเครือสามารถคอร์ปอเรชั่น จำคุก 7 ปี ข้อหาโจรกรรมตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาส่วนตัวนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ถือได้ว่าดิสเครดิตรัฐบาลอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นไปตามเนื้อผ้า หรือมีการกำหนดวาระไว้ล่วงหน้าหรือไม่ก็ตาม

วันนี้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี พูดอะไรไม่ได้มากไปกว่า ประกาศพร้อมอำนวยความสะดวกให้ความช่วยเหลือครอบครัว "ศิวรักษ์" ในฐานะรัฐบาล

และยืนยันไม่ใช่ความล้มเหลว ที่มือของรัฐบาลไม่มีโอกาสยื่นเข้าไปช่วยเหลือ "ศิวรักษ์"

ถือเป็นความแตกต่าง เมื่อเปรียบเทียบกับ "ฝ่ายค้าน" ที่กระหน่ำเข้าไปช่วยเหลือเป็นพัลวัล

โดยเฉพาะมือของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ผู้ที่ทางกัมพูชาอ้างว่า เป็นเจ้าทุกข์ ที่ถูก "ศิวรักษ์" ฉกข้อมูลการบินเสียด้วยซ้ำ

ประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ในหัวอกความเป็นแม่ของ "สิมารักษ์ ณ นครพนม" มารดาของ "ศิวรักษ์" แน่นอน ย่อมไม่ต่างจากแม่คนอื่นๆ คือคำนึงถึงชีวิต สวัสดิภาพ และความปลอดภัยของลูกเป็นที่ตั้ง

โดยไม่มีเวลามาสนใจว่าใคร? จะได้ "กล่อง" ขอแค่ให้ลูกชายปลอดภัย กลับสู่อ้อมอกได้อีกครั้งเป็นพอ

เมื่อมีความคืบหน้าย่อมทำให้ "สิมารักษ์" ตอบตัวเองได้ว่า ตัดสินใจไม่ผิดที่หันหน้าไปพึ่ง "ฝ่ายค้าน" และ "พ.ต.ท.ทักษิณ"

เพราะทั้ง "พ.ต.ท.ทักษิณ" "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" ประธานพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่โฆษกพรรคเพื่อไทย อย่าง "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" ยังแทงหวยถูกตลอด เหมือนหยั่งรู้ว่าชะตากรรม "ศิวรักษ์" จะดำเนินต่อไปอย่างไร

โดยเฉพาะ "พล.อ.ชวลิต" ที่ทำนายไว้แต่ไก่โห่ ถึงทางรอดด้วยกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ โดยอาศัยพระบารมีกษัตริย์แห่งกัมพูชา

การออกแรงของ "พรรคเพื่อไทย" ย่อมได้ผลคืบหน้ากว่าการออกแรงของ "รัฐบาลประชาธิปัตย์" วันยังค่ำ

อย่าได้แปลกใจ รู้ๆ กันอยู่ว่าใครเป็นใคร "พ.ต.ท.ทักษิณ" แนบแน่นกับ "สมเด็จฯฮุน เซน" นายกฯกัมพูชา การันตีด้วย 2 ตำแหน่ง ที่ปรึกษา ขณะที่ "พล.อ.ชวลิต" ก็ไม่เบา

"คอนเนคชั่นขั้นเทพ" กับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชาสะท้อนภาพโผเข้ากอดซ้ายขวา จับไม้จับมือกันแน่นกับ "สมเด็จฯฮุน เซน" เมื่อครั้งเดินทางไปเขี่ยบอลเป็นคนแรก บ่งบอกเป็นคำตอบ

และคนที่บ่งบอกว่าอะไรเป็นอะไรได้ดีที่สุดก็คือ "สมเด็จฯฮุน เซน" นั่นเอง ผ่านวรรคทองการให้สัมภาษณ์หลายครั้งหลายครา

โดยเฉพาะการประกาศตัวเป็นเพื่อนแท้เพื่อนตายของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" และประโยคที่ "อภิสิทธิ์" ต้องจำไปจนตายคือ การประกาศกร้าวว่ามีปัญหากับคนชื่อ "อภิสิทธิ์ และกษิต" คนกัมพูชาไม่มีความสุขหาก 2 คนนี้ยังอยู่ในอำนาจ

บทสรุป "สิมารักษ์" อาจได้ชีวิตลูกชายกลับคืนมา "พรรคประชาธิปัตย์" อาจเสียรังวัดทางการเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน "พ.ต.ท.ทักษิณ" และ "พล.อ.ชวลิต" อาจได้หน้าได้ตาเป็นฮีโร่

แต่ถามว่า สังคมไทยได้อะไร หากเรื่องนี้เป็นเพียงกลเกมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เมื่อใดที่สังคมเริ่มมีความสนเท่ห์ เมื่อนั้นข้อสังเกตและข้อสงสัยจะตามมา

"สิมารักษ์" ผู้เป็นแม่ ย่อมยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก จึงปฏิบัติตามคำแนะนำทุกกระเบียด

ทั้งการขอเปลี่ยนทนายความ เปลี่ยนใจไม่ยื่นขอประกันตัว รวมถึงการไล่ตะเพิดรัฐบาล อย่ามายุ่ง

ยิ่ง "เทพไท เสนพงศ์" โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตอย่างน่าสนใจไว้ 3 ประการ

1.ทำไมแม่เปลี่ยนใจไม่ประกันตัวลูกชายที่บอกว่าป่วยเป็นหอบหืด ทั้งที่รัฐบาลจะประกันตัวให้

2.นายศิวรักษ์ถูกตั้งข้อหาเป็นอันตรายต่อความมั่นคงชาติ แต่ทันทีที่ไปถึงกลับมีรัฐมนตรีมาต้อนรับ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้อย่างผิดสังเกต

3.การที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า จะร่างคำขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์ก่อนที่ศาลกัมพูชาจะอ่านคำพิพากษา แล้วรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร

แต่ข้อสังเกตเหล่านี้ไม่มีผลต่อหัวอกคนเป็นแม่ เมื่อใกล้ถึงฝั่งแล้ว "สิมารักษ์" ย่อมเลือกที่จะก้าวให้สุดทาง

ถ้อยคำของ "แม่วิศวกร" ที่โฟนอินเข้ามือถือของ "พร้อมพงศ์" ในทำนองไม่มีเยื่อใย ขอร้องรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ อย่าเข้ามายุ่งอีก

รวมถึงทวงถามความเป็นลูกผู้ชายของ "คำรบ ปาลวัฒน์วิชัย" เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยประจำกัมพูชา ที่ถูกพาดพิงว่าสั่งให้ "ศิวรักษ์" นำข้อมูลการบินมาให้

เป็นคำตอบสุดท้าย ว่างานนี้ใครจะได้กล่องไปครอง

ทายไว้ก่อนได้เลยว่า สะเก็ดแผลกรณี "คำรบ" จะถูกฝ่ายค้านขุดขึ้นถล่มอีกชุดใหญ่

แล้วถ้าเดินไปสุดทาง จน "ศิวรักษ์" ได้รับการอภัยโทษจริงๆ จะสะท้อนนัยยะอะไร? และใครจะเอาผลไปใช้ต่อ?

ขณะที่ข้อจำกัดของ "รัฐบาลอภิสิทธิ์" ต่อเรื่องนี้คือคำว่า "ชีวิตคน" ที่ค้ำคอไม่ให้โต้กลับในทางการเมืองได้มากนัก แม้ในใจจะสงสัยเสียเต็มประดา...