ไม่ประกันตัว-เขียนคำขอพระราชทานอภัยโทษล่วงหน้า ยันไม่อยากให้วิศวกรไทยตกเป็นเหยื่อการเมือง
วันนี้( 9 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีศาลกัมพูชามีคำพิพากษาจำคุกนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยเป็นเวลา 7 ปีและปรับกว่า 80,000 บาท ฐานจารกรรมข้อมูลของทางการกัมพูชาว่า ขอแสดงความเสียใจกับนายศิวรักษ์และครอบครัว ตนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองและไม่อยากให้นายศิวรักษ์ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองด้วยเช่นกัน แต่อยากขอตั้งข้อสังเกตว่า 1.ตั้งแต่นายศิวรักษ์ถูกจับมารดาของนายศิวรักษ์บอกว่าลูกชายเป็นโรคร้ายแรงคือหอบหืด ถ้าหากอยู่ในคุกอาจจะได้รับอันตรายได้ แต่เมื่อมีการเปิดโอกาสให้มีการประกันตัว ก็จะเห็นได้ว่า ครอบครัวไม่ได้ยื่นประกันตัวนายศิวรักษ์
นายเทพไท กล่าวว่า 2.จากข้อหาที่ได้รับคือการจารกรรมข้อมูลลับของกัมพูชาที่เป็นอันตรายต่อความมั่นของกัมพูชาและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อมีการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม ก็มีคนระดับรัฐมนตรีของกัมพูชาเดินทางไปรับมารดา นายศิวรักษ์ ที่สนามบินและคนที่ไปส่งก็คือคนของพรรคเพื่อไทย ที่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับข้อหาที่เกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อกัมพูชาและ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่น่าแปลกใจเพราะว่า คนเหล่านี้กลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวและช่วยเหลือนายศิวรักษ์อย่างผิดสังเกต
นายเทพไทกล่าวว่า 3.กรณีที่พรรคเพื่อไทยมีการร่างคำขอพระราชทานอภัยโทษให้กับมารดานายศิวรักษ์ ทั้งๆ ที่คำพิพากษาของศาลกัมพูชายังไม่ออกมา ทำให้คนในสังคมตั้งข้อสงสัยว่า พรรคเพื่อไทยสามารถรู้คำพิพากษาล่วงหน้าได้อย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่สังคมสงสัย และขณะสืบพยานในกระบวนการยุติธรรม ได้มีการเปิดหลักฐานที่ นายจุตพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อ้างว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตไทยที่กัมพูชาหรือไม่ ทั้งนี้ปรากฏการณ์ทั้งหมดกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว และเป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐต่อรัฐ พรรคการเมืองแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ควรเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นตัวแทนของรัฐไทยที่ต้องไปประสานกับรัฐกัมพูชา แต่เมื่อมีพรรคการเมืองหยิบฉวยโอกาส สังคมจึงต้องพิจารณาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และวันที่ 10 ธ.ค.อาจจะมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาขยายผลในระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อดิสเครดิตรัฐบาลและเพื่อที่สร้างความเป็นวีรบุรุษให้กับคนบางคนที่ตัวเองสนับสนุน