มาร์คชวนคนไทย หลอมรวมใจ น้อมรับพระราชดำรัส

หมายเหตุ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวและตอบคำถามผู้ดำเนินรายการ ในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ถึงการน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 มาปฏิบัติใช้

สิ่งที่ผมอยากจะเห็นเกิดขึ้นคือว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือว่าพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วไป ได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม และนำไปปฏิบัติ ในส่วนของรัฐบาลนั้น พระองค์ท่านได้รับสั่งชัดเจนว่า ในเรื่องของบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ก็ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต แล้วก็ทุ่มเท ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งผมคิดว่า ไม่ว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใดก็ตาม สามารถที่จะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปปฏิบัติได้

แต่ที่ผมคิดว่า พวกเราทุกคนคงจะต้องมาช่วยกันเต็มที่คือว่า พระองค์ท่านได้รับสั่งว่า มีพี่น้องประชาชน และมีผู้แทนของพี่น้องประชาชนได้นำถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และพระองค์ท่านก็รับสั่งว่า ที่ถวายพระพรให้พระองค์ท่านมีความสุขจะเกิดขึ้นได้ บ้านเมืองต้องมีความปกติสุข และมั่นคง ผมคิดว่าอันนี้คือ หน้าที่สำคัญที่สุดของพวกเราทุกคนในขณะนี้ ทำอย่างไรให้บ้านเมืองของเรานั้นมีความเป็นปกติสุข และมีความมั่นคงได้ ซึ่งก็คงจะโยงใยไปถึงกระแสพระราชดำรัสในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ให้ดี ด้วยส่วนหนึ่ง

ผมก็เรียนว่าอันนี้ก็ถือเป็นงานสำคัญที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุดในเรื่องของการที่จะทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติสุขได้ ฉะนั้นถือว่าเป็นการบ้านข้อใหญ่สำหรับรัฐบาลด้วย สำหรับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพราะว่าผมเชื่อว่า พวกเราก็ต้องการที่จะหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว แล้วทำให้คำถวายพระพรที่เราได้ถวายให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเกิดขึ้นจริง และพระองค์ท่านได้รับสั่งชัดเจนแล้วว่าจะเกิดขึ้นได้ เราจะต้องมีหน้าที่ในการทำอะไรอีกหลายอย่างต่อไป

ในแนวทางพระราชดำริต่างๆ ประชาชนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ว่าบางครั้งไม่นำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จะมีคำแนะนำอะไรให้กับประชาชนคนไทยโดยส่วนรวม

ผมคิดว่าการที่พระองค์ท่านได้รับสั่งว่าพระองค์ท่านจะมีความสุข เมื่อบ้านเมืองมีความมั่นคง มีความเป็นปกติสุข และรับสั่งถึงความเป็นอยู่ของพสกนิกร ก็เป็นการยืนยันสิ่งที่ประชาชนคนไทยได้รู้สึกมาตลอด ว่าเรามีพระมหากษัตริย์ที่เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก และก็ทุ่มเทพระวรกายในเรื่องของการทรงงานเพื่อประชาชน น่าสนใจก็คือว่าตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลายต่อหลายเรื่อง เป็นเรื่องที่ถึงทุกวันนี้มันมีความทันสมัยอย่างมาก เช่น การที่พระองค์ท่านสนพระทัยในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สนพระทัยในเรื่องของพลังงานทดแทน สนพระทัยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเกษตรกรในชนบท และมีพระราชดำริในหลายต่อหลายเรื่อง เช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการทำการเกษตรที่ยั่งยืน และส่งผลตอบแทนต่อพี่น้องประชาชนในระดับของชุมชนอย่างแท้จริง

ผมยังนั่งนึกอยู่เหมือนกันว่า ในขณะที่โลกมาพูดกันเรื่องการพัฒนาที่สมดุล การพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาที่มีความเป็นธรรม สิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติมาเป็นตัวอย่างตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี พี่น้องประชาชนคนไทยต้องถือว่าโชคดีมากที่พระองค์ท่านมีสายพระเนตรยาวไกล แล้วก็ได้พระราชทานแนวพระราชดำรินี้ไว้ รัฐบาลเองนั้นทุกยุคทุกสมัยก็น้อมนำกระแสพระราชดำรัส แนวพระราชดำริต่างๆ เพื่อมาขยายผล จะมีหน่วยงานพิเศษด้วยคือ คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการตามพระราชดำริ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เดินหน้าในการที่จะสานต่องานต่างๆ

งานที่ผมคิดว่าเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาตลอด คือ เรื่องการพัฒนาชนบท และเรื่องของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เราจะเห็นชัดเจนเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำเสีย หรือปัญหาอื่นๆ พระองค์ท่านได้พระราชทานแนวพระราชดำริเอาไว้ นำไปสู่โครงการหลายโครงการที่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันได้มีการอนุมัติโครงการตามแนวพระราชดำริในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ เช่น ที่ห้วยโสมง ก็เพิ่งอนุมัติไป แต่ว่าเราเริ่มเห็นผลพวงของการที่ได้มีการดำเนินการตามโครงการตามพระราชดำริ หลายต่อหลายโครงการ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งแม้จะยังเกิดขึ้นอยู่ แต่ว่าเวลาเปรียบเทียบย้อนกลับไปว่าถ้านึกภาพว่า ไม่มีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หรืออย่างที่หาดใหญ่ไม่มีคลองระบายน้ำ หรือตามพื้นที่ต่างๆ ถ้าไม่มีแก้มลิง ปัญหาเรื่องของอุทกภัย ปัญหาเรื่องของน้ำท่วม ก็จะหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก ในทางกลับกันครับ โครงการพระราชดำริที่นำไปสู่การให้พี่น้องประชาชนหรือเกษตรกรมีน้ำกิน น้ำใช้ น้ำเพื่อการเกษตร ก็ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกรได้อย่างดียิ่ง ในส่วนของพลังงานทดแทน ขณะนี้รัฐบาลได้มีแผนการในการที่จะทำอย่างไร ที่เราจะสามารถเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนที่เป็นสัดส่วนของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเพียงร้อยละ 6 ให้เป็นร้อยละ 20 ให้ได้ จริงๆ ตั้งเป้าไว้ถึง 15 ปี คิดว่าขณะนี้คงจะต้องมีการเร่งรัด และประเด็นเหล่านี้ก็กลายเป็นประเด็นซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ สัปดาห์หน้าผมต้องเดินทางไปที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ส่วนหนึ่งก็จะมีการสอบถามอยู่ตลอดเวลาว่า แต่ละประเทศมีความคิดในการที่จะแก้ปัญหาโลกร้อน ปัญหาความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร และนอกจากงานของรัฐบาลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวโครงการตามพระราชดำริก็ดี ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าชาวโลกพึงจะได้รับรู้ถึงความโชคดีของพี่น้อง ประชาชนคนไทย

เรื่องน้ำ ทั้งน้ำเสีย น้ำมาก น้ำล้น น้ำน้อยต่างๆ โดยเฉพาะวิกฤตปัญหาภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลาย จะแนะนำประชาชนอย่างไร ให้นำเอาแนวทางพระราชดำริมาประยุกต์ใช้

คงจะต้องมีมาตรการทั้งในส่วนที่เป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน ในส่วนของการป้องกัน และภาพใหญ่ของการที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาให้กับโลก ในแง่ของการบรรเทาความเดือดร้อน ปัจจุบันก็มีความจำเป็นที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาเป็นจุดๆ เพราะถ้าความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีความต่อเนื่อง หรือมีความรุนแรงแบบที่เป็นอยู่ ก็คาดการณ์กันบอกว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น ฉะนั้นขณะนี้พื้นที่แนวริมตลิ่งของแม่น้ำต่างๆ และพื้นที่ชายฝั่งทั้งหมด ก็ถือว่าตกอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงอยู่ ปัจจุบันก็มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งทำโครงการ แม้แต่ในกรุงเทพฯ ชายทะเลบางขุนเทียน ก็มีเรื่องที่จะต้องไปทำ สัปดาห์ก่อนผมเพิ่งไปจังหวัดสงขลามา ชายหาดสงขลากำลังหายไป ปีหนึ่งปีหนึ่งน่าใจหาย มากทีเดียว ก็ต้องมีการป้องกัน อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องมีการดำเนินการพร้อมๆ กันไป เรื่องของการทำพื้นที่รองรับน้ำ แก้มลิง การบริหารจัดการน้ำ ก็ต้องทำให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น

ตัวนายกฯเองน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร

ผมเองก็จะพยายามดูเรื่องของการประหยัด ในเรื่องของการใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น สถานที่ทำงาน ผมเข้ามาทำงานในทำเนียบ ผมเห็นเปิดแอร์เยอะ แม้กระทั่งห้องน้ำนายกฯก็เปิด ผมก็บอกปิดเลย ห้องนํ้านายกฯอย่างนี้ไม่ต้องเปิดแอร์ เพราะเข้าไปไม่กี่นาที ไม่ต้องเปิด อย่างนี้เป็นต้น ผมใช้กระดาษพิมพ์เอกสารอะไร ก็พยายามใช้กระดาษที่นำกลับมาใช้ใหม่ เล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ คิดว่าพวกเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ จะช่วยแก้ปัญหาได้

สำหรับในปี 2552 นี้ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา รัฐบาลได้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างไรบ้าง

กิจกรรมเฉลิมฉลองนั้นขณะนี้พี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย คงจะได้มีโอกาสไปมีส่วนร่วมแล้ว เรื่องการทำนิทรรศการต่างๆ รวมทั้งการแสดงแสงสีเสียงโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมีการแสดงอยู่ทุกวันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เชื่อมโยงไปยังกิจกรรมในต่างจังหวัดด้วย อันนี้เป็นงานสำคัญที่ผมคิดว่า จะช่วยกันหลอมรวมจิตใจพี่น้องประชาชนคนไทย ให้เป็นหนึ่งเดียว มีความสมัครสมานสามัคคี ก็อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม

นายกฯประเมินเรื่องของความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอย่างไร เพราะสิ่งนี้ก็เป็นแนวทางพระราชดำริเกี่ยวกับร่วมรักสามัคคีเหมือนกัน

ผมก็อยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชน เพราะผมก็มั่นใจว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่คงอยากเห็นบ้านเมืองสงบ และอยากจะเห็นที่พระองค์ท่านรับสั่งว่าบ้านเมืองเป็นปกติสุข แต่ว่าทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ ผมเข้าใจดีครับว่าประชาชนมีจำนวนมากหลากหลาย มีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ว่าถ้าทุกคนใช้สิทธิของตัวเองอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม บ้านเมืองก็เป็นปกติสุขได้ครับ

สุดท้ายมีอะไรที่จะฝากกับประชาชนเนื่องในโอกาสสำคัญนี้บ้าง

ผมคิดว่าในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการสำรวจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยมีความสุขมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นการสำรวจที่ทำเป็นประจำ ก็จะเห็นว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่พี่น้องประชาชนคนไทยมีความสุข เพราะมีโอกาสที่จะได้ถวายความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้คิดถึงสถาบันหลักของชาติที่เป็นที่พึ่งเป็นหลัก เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวหลอมรวมจิตใจของพวกเรา ฉะนั้น ในช่วงเวลานี้ที่เป็นช่วงเวลาที่เป็นความสุขของพี่น้องประชาชน ผมก็อยากจะให้เป็นพลังสำหรับพี่น้องประชาชนต่อไป ทั้งในการดำเนินชีวิต ทั้งในการปฏิบัติหน้าที่ แล้วก็ต้องมาช่วยกันครับ ทำอย่างไรที่จะทำให้บรรยากาศความรู้สึก ความสุขแบบนี้ มีไม่ใช่เฉพาะช่วงต้นเดือนธันวาคม มีตลอดไป และถวายให้พระองค์ท่านด้วย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์