นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการ 4 ฝ่ายและคณะกรรมการ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีรวมทั้งนายประสาน มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กรุงเทพมหานคร นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการภาคประชาชน เดินทางไปรับฟังปัญหาในพื้นที่ โรงเรียนบ้านหนองแฟบ เทศบาลเมืองมาบตาพุด โดยนายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายวิรัต รัตนวิจิตร นายอำเภอเมืองระยอง นายสมพงษ์ โสภณ นายกเทศมนตรีเมืองมาบตาพุด พร้อมตัวแทนชุมชนและชาวบ้านกว่า 200 คนที่จะนำเสนอปัญหาความเดือดร้อนจากโรงงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งมีประชากรกว่า 45,000 คน ประชากรแฝงกว่า 70,000 คน รวม 31 ชุมชน
นายอานันท์ กล่าวว่า คณะกรรมการ 4 ได้ลงมาดูสภาพพื้นที่และปัญหาที่แท้จริง และความรู้สึกนึกคิดของประชาชนมาบตาพุด ที่ได้รับผลกระทบมลภาวะจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือประชาชนที่ได้รับผลในทางบวก ทำมาหากินได้ มีร้านค้า โรงแรม จากผลสืบเนื่องพื้นที่มีความเจริญเติบโตทางภาคอุตสาหกรรม พร้อมจะรับฟังความเห็นของทั้งสองฝ่าย เราไม่ได้มาเป็นผู้ตัดสินและชี้ขาด นำข้อเท็จจริงมาไตร่ตรอง สิ่งหนึ่งที่พบมีทั้งคนชอบและไม่ชอบอุตสาหกรรม คณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม เรามีหน้าที่วิเคราะห์และแนะนำรัฐบาลว่าควรปฏิบัติการอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ขั้นตอนการสร้างกลไก เรื่ององค์กรอิสระรับฟังความเห็น หรือขบวนการทำศึกษาและประเมินผลกระทบที่ร้ายแรงของอุตสาหกรรม
นายอานันท์ กล่าวต่อไปว่า มีสองสิ่งที่ได้สังเกตและการสัมผัสไม่ใช่รับฟังอย่างเดียว เมื่อคืนวันที่ 5 ธันวาคม เวลาประมาณ 23.30น.ที่โรงแรมภูริมาศ ที่คณะกรรมการพักอยู่ เดินออกมานอกระเบียงได้กลิ่นเหม็นไข่เน่าเป็นระยะๆ ไม่สามารถระบุได้ว่ากลิ่นมาจากที่ใดและอะไรเป็นต้นเหตุ ช่วงเดินทางเห็นยอดมะพร้าว ใบไม้แห้งเหี่ยว และได้กลิ่นเหม็นอีกแต่ไม่ใช่กลิ่นไข่เน่า เจ้าหน้าที่น่าจะเข้าไปตรวจสอบติดตาม แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก ในระบบราชการเรา เจ้าหน้าที่การนิคมอุตสาหกรรมได้ดูแลสิ่งเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน และที่บริเวณชายหาดน้ำริน อ.บ้านฉางคณะของเราพบกองขยะกองใหญ่ เรื่องมลภาวะไม่ได้เกิดจากอุตสาหกรรมอย่างเดียว มันเกิดจากเทศบาลที่ไม่เอาไหนก็มี มันเป็นปัญหาของสังคม