กก.แถลงผลแบบรัฐสภาใหม่อย่างเป็นทางการ ยัน 'สัปปายะสภาสถาน' เหมาะสุด คาดวางศิลาฤกษ์ปีหน้า
วันนี้(2 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะกรรมการตัดสินการประกวดแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นำโดย นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี อดีตอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ชนะการประกวดแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ โดยอาคารรัฐสภาใหม่สร้างบนพื้นที่ 300,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 120 ไร่ ย่านเกียกกาย กรุงเทพฯ วงเงินก่อสร้างทั้งหมดไม่เกิน 12,000 ล้านบาท
นางดวงขวัญ จารุดุล สถาปนิกใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการฯ กล่าวว่า คณะกรรมการ จำนวน 14 คน ได้รับฟังคำชี้แจงจากทั้ง 5 บริษัทได้แก่ 1.กลุ่มนายธีรพล นิยม 2.บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด 3.นายธรรมศักดิ์ อังศุสิงห์ 4.บริษัทดีไซด์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 5.กลุ่มผู้ช่วยศาสตราจารย์วิเชษฐ์ สุวิสิทฐ์ ผลปรากฏว่า ผู้ชนะการประกวดแบบคือ แบบที่ 1 นายธีรพล นิยม ผลงานชื่อ “สัปปายะสภาสถาน” มีเหตุผลคือ ออกแบบได้สอดคล้องกับแนวคิดซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมไทย มีที่มาที่ไปยึดโยงและต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วางผังแม่บทได้อย่างสมดุลและสง่างามโดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดเด่น มีหลังคาเครื่องยอดบนอาคารหลักชูสัญลักษณ์ความเป็นไทย พื้นที่ยืดหยุ่นใช้สอยได้ดี ยังมีการจัดวางอาคารที่ให้ความสำคัญกับงานพระราชพิธี รวมถึงจัดพื้นที่รองรับผู้ทำงานและจัดพื้นที่ด้านหน้าวางขนาดใหญ่รองรับประชาชน และยังตอบสนองการเข้าถึงจากประชาชนทุกกลุ่มได้อย่างดี มีระบบการสัญจรสะดวก และการอนุรักษ์พลังงานตลอดจนแผนสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เป็นอาคารสีเขียว นอกจากนี้ประวัติและผลงานคณะผู้ออกแบบเป็นผู้มีประสบการณ์สูงและเชี่ยวชาญน่าเชื่อถือทั้งคณะ
ด้าน พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า การวางศิลาฤกษ์คาดว่าจะเป็นปีหน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัย ส่วนข่าวต่างๆที่มีการโจมตีเช่น การล็อบบี้แบบ ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน ที่คณะกรรมการเลือกแบบนี้ ก็มีเหตุผลชี้แจงได้ ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนนชัดเจน ขณะที่นายนิคม กล่าวว่า จะมีการจัดแสดงแบบจำลองอาคารัฐสภาใหม่ ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2553 นี้ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน.