อดีตนายกฯ ทักษิณ ปัดหมดตัว ยืนยัน วิกฤติดูไบไม่กระทบ เนื่องจากไปลงทุนที่แอฟริกา และ อเมริกากลาง พร้อมเรียกร้อง ถึงเวลาต้องสมานฉันท์ และ ปรองดองแห่งชาติ ...
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เวลาประมาณ 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการวิทยุ ถึงวิกฤติเศรษฐกิจดูไบ
มีบางสื่อระบุว่า ตนคงหมดตัวแน่ คงไปซื้อตึก ถูกเก็งกำไรหมด ขอเรียนว่า ตนไม่ได้มีเงินอยู่นอกประเทศมาก มีเงินจากการขายทีมฟุตบอล และเงินที่ซื้อทีมฟุตบอลก็เป็นเงินที่ได้อนุญาต เอาเงินมาซื้อ แล้วขายทำให้มีกำไรเลี้ยงตัวอยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีอะไรมากมาย และไม่ได้ลงทุนที่ดูไบ แต่ลงทุนที่แอฟริกา อเมริกากลาง ลงทุนแต่ละที่ไม่มาก เพราะไม่มีเงินที่จะไปลงทุนมากๆ แต่โชคดีที่ลงทุนในสิ่งที่มีศักยภาพสูง แต่ใช้ทุนน้อย เช่น ลงทุนเหมืองทองที่อูกันดา ได้สัมปทาน
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนมายุโรป 2-3 วัน อีกไม่กี่วันก็กลับไปดูไบ สรุปแล้วเรื่องดูไบ ประเทศไทยต้องระวัง คือ
เรื่องระบบธนาคาร แต่เชื่อว่าไม่มีผล เพราะธนาคารไทยมีทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงดี จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจโลกที่การฟื้นตัวอาจจะมีปัญหาบ้าง ส่วนผู้คนที่ดูไบยังเดินเล่นช็อปปิ้ง ช่วงวันหยุดยาว
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวทิ้งท้าย ว่า เศรษฐกิจของเราแย่กว่าประเทศอื่น เกิดจากการที่ดูแลเศรษฐกิจได้ไม่ดี
โดยเฉพาะเรื่องของสินค้าเกษตร ถ้าบริหารไม่ดี เช่น ข้าว ไปกดราคา ทั้ง ๆ ที่โลกราคาสูงขึ้น อันที่สอง คือปัญหาภายในที่ต้องแก้ คือ เรื่องความขัดแย้งในสังคม ต้องทะเลาะกันไปอีกนาน แต่ถามว่าจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกนานหรือไม่ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวกันทุกฝ่าย เราต้องหันหน้าเข้าหากัน แต่ไม่มีใครยอมใคร ถ้าอยากสมานฉันท์ ถึงเวลาแล้ว แต่ถ้าไม่ทำก็ช่วยไม่ได้ ฉะนั้น ควรจะทำอะไรซักอย่างให้เกิดความปรองดองแห่งชาติ ถ้าการเมืองเป็นอย่างนี้ นักการเมืองยังยึดการเมืองเป็นอาชีพ จะปกป้องอาชีพของตนเอง กลั่นแกล้งกันไป ถ้าการเมืองยังไม่เป็นเรื่องของการเสียสละ จะทำให้การเมืองแย่ ขอทำหน้าที่เสนอว่า ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน ถ้าเห็นแก่บ้านเมือง และ พูดคุยกัน คิดว่าทุกอย่างก็จบ และ ไม่ต้องกลัวว่าตนจะกลับไปล้างแค้น