คมชัดลึก :นายกฯสั่งครม.เศรษฐกิจจับตาปัญหาเศรษฐกิจดูไบ-เงินด่องเวียดนาม ย้ำให้รายงานในครม.เศรษฐกิจ 2 ธันวานี้ เชื่อมั่นไทยรับมือได้ "กรณ์"มั่นใจไทยไม่กระทบ แต่หวั่นศก.จีนเติบโตอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่แตก ด้านนักวิชาการชี้ปัญหาดูไบทำตลาดหุ้น-ทองคำทั่วโลกกระ ทบช่วงสั้น
ปัญหาพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจ ดูไบ เวิลด์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลดูไบ เลื่อนการชำระหนี้ รวมถึงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศเวียดนาม กลายเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้กลุ่มประเทศใกล้เคียงในเอเชียต่างวิตกกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเหตุบานปลายทำให้เศรษฐกิจของแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าวว่า รัฐบาลไทยจะประเมินในส่วนของดูไบ เวิลด์ และการลดค่าเงินของเวียดนาม โดยต้องจับตามองใน 2 ประเด็นคือ 1.ปัญหาของดูไบ จะไปกระทบกับที่อื่นๆ หรือไม่ เพราะมีผลกระทบต่อตลาด จึงต้องประเมินว่า จะสามารถจำกัดวงความเสียหายมากแค่ไหน และ 2.กรณีของเวียดนามจะส่งผลต่อการแข่งขันของสินค้าบางตัว แต่ถ้าไม่ขยายตัวออกไปก็คงจะมีผลกระทบไม่มาก และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานเข้ามาในการประชุม ครม.เศรษฐกิจด้วย
เมื่อถามว่าในดูไบ มีคนไทยเข้าไปทำธุรกิจแล้วมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะให้รายงานทั้งผลกระทบโดยตรงต่อคนไทยและผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจเข้ามาในการประชุม ครม.เศรษฐกิจวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะช้าเกินไป อย่างไรก็ตามจนขณะนี้ด้านการส่งออกของไทยยังจะไม่ปรับอะไรสำหรับวิกฤติที่เกิดขึ้น เพราะในช่วง 2-3 เดือนหลังที่ผ่านมา การส่งออกของไทยยังปรับตัวไปในทิศทางที่ดี แต่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษในสินค้าที่ไทยแข่งขันกับเวียดนาม เพราะเวียดนามจะได้เปรียบเรื่องราคามากขึ้น
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เริ่มเปิดรับปัจจัยภายนอกประเทศมากขึ้น ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งสิ่งที่น่าห่วงและต้องจับตาติดตามอย่างใกล้ชิดในขณะนี้ก็คือ การฟื้นตัวของจีนที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจโลก หากจีนยังคงเติบโตสวนกระแสไม่หยุดอาจเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อ นำไปสู่เศรษฐกิจฟองสบู่แตกจนส่งผลกระทบทั่วโลกได้
ส่วนกรณีวิกฤติเศรษฐกิจดูไบที่เกิดขึ้น กระทรวงการคลังยังมั่นใจว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากดูไบยังคงมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีมูลค่าสูง หากเศรษฐกิจล่ม ก็สามารถขายสินทรัพย์ใช้หนี้ได้ และภาวะของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ แม้ยังไม่ถึงขั้นแข็งแกร่ง แต่อยู่ในสภาพที่น่าพอใจ กล่าวคือสภาพคล่องไม่ถูกกระทบได้ง่ายจากวิกฤติดูไบ เพราะไทยยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอ อีกทั้งการปล่อยสินเชื่อที่ต่ำในช่วงนี้ ทำให้มั่นใจว่าปัญหาที่ดูไบไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน
ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังบริษัทดูไบ เวิลด์ ขอเลื่อนการชำระหนี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต้องติดตามต่อไปว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า การพักชำระหนี้เกี่ยวกับทรัพย์สินด้อยคุณภาพจะเป็นอย่างไร และแม้ว่าดูไบจะประกาศแนวทางการพักชำระหนี้ออกมาแล้ว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ด้วยว่าจะประกาศมาตรการใดๆ ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่
"การหยุดพักชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ ในขณะนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นและทองคำชะงักงันทั่วโลก แต่ผมเชื่อว่าเมื่อมีความชัดเจน จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ กลับคืนมา ส่วนจะดีขึ้นหรือแย่ลงคงต้องติดตามกันต่อไป" นายธนวรรธน์กล่าวและว่า หากพิจารณาในแง่ผลกระทบด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยและดูไบช่วงที่ผ่านมา ประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างกันของไทยและดูไบ แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการเข้าไปลงทุนในตลาดดูไบของไทยบ้าง
นายธนวรรธน์กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยว่า ผลจากการที่รัฐบาลมีโครงการลงทุนผ่านโครงการไทยเข้มแข็งในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้ากว่า 3 แสนล้านบาท จะช่วยเข้ามาเสริมสภาพคล่องผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ ตามที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินไว้ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตได้ร้อยละ 3 อย่างแน่นอน