นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ยืนยันได้มีการตรวจสอบกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ทางการกัมพูชาปิดน่านน้ำ ทำให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อน ว่า "ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีเรื่องดังกล่าว"
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
แถลงที่ทำเนียบรัฐบาลว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยกระทรวงการต่างประเทศ(กต.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) การที่เรือประมงของไทยมีปัญหาการเข้าน่านน้ำนั้น เป็นเรื่องของการต่ออายุหรือออกใบอนุญาต ซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา ที่มีอำนาจในการดูแลเรื่องเกี่ยวกับใบอนุญาต ทำให้การออกใบอนุญาตล่าช้า ส่งผลให้การเข้าน่านน้ำเกิดความไม่สะดวก จึงต้องรอให้การเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงของกัมพูชาเสร็จ การออกใบอนุญาตจะดำเนินไปได้ ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาไม่นาน นายกรัฐมนตรีไรับทราบแล้ว และได้สั่งการให้กต. กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการประมงของไทย
นายปณิธาน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชายังถือว่าสามารถประสานงานได้เป็นลำดับ และการประสานงานในระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เป็นไปด้วยความราบรื่น
ผบ.ทร.ปัดการเมืองระหว่างปท.
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นปัญหาในพื้นที่ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ทำให้สัมปทานทางการประมงใน จ.เกาะกง ที่ผู้ว่าราชการคนเดิมทำไว้ต้องยุติลง และต้องมีการทำสัมปทานขึ้นมาใหม่กับผู้ว่าราชการเกาะกงคนใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นการปิดเพียงชั่วคราว และเมื่อการเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัดลงตัวแล้ว ทุกอย่างน่าจะกลับมาเป็นเช่นเดิม
"การปิดน่านน้ำ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองระหว่างประเทศ ถือเป็นระเบียบปฏิบัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการจังหวัด ผบ.ทร.กัมพูชาเรายังติดต่อกันตลอดเวลา รวมถึงฝ่ายผู้ปฏิบัติก็ยังทำงานร่วมกันตลอด ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร และเมื่อกำลังทหารลาดตระเวนของทั้งสองประเทศเจอกันก็พูดคุยกันตามปกติ และการปิดน่านน้ำถือเป็นเรื่องปกติไม่มีปัญหาอะไร" ผบ.ทร.กล่าว
ปัญหาคือจะคืนสัมปทานเมื่อใด
พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีการเพิ่มกำลังตามชายแดนน่านน้ำ เพราะเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ความขัดแย้งของสองประเทศ ทั้งนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบระเบียบการปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการทำสัมปทานไว้ว่ามีเรือประมงไทยกี่ลำที่ได้เข้าไปทำสัมปทานไว้ ทราบว่าจะต้องลงนามในสัมปทานใหม่ หลังจากนั้นก็คงจะมีการเปิดน่านน้ำตามปกติ เพราะเขาต้องการให้ประชาชนทำมาหากินกันได้
แหล่งข่าวจากกองเรือภาคที่ 1 ระบุว่า เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่นของกัมพูชาและเป็นสัมปทานระหว่างท้องถิ่นกัมพูชากับชาวประมงของไทย แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือกัมพูชาจะให้ไทยทำสัมปทานใหม่ในช่วงเวลาใดเท่านั้น