โอ๊ค-เอมเปิดวอยซ์ทีวีย้ำไม่เกี่ยวการเมือง-พ่อแม้ว ลั่นทุกสีก็ดูได้

เปิดตัว"วอยซ์ทีวี"อินเตอร์เน็ตทีวีสำหรับคนรุ่นใหม่ "พานทองแท้-พิณทองทา"กุมหุ้นใหญ่-นั่งแท่นผู้บริหาร เผยเงินลงทุนส่วนหนึ่งเหลือจากขายแมนซิตี้ ย้ำไม่เกี่ยวการเมือง-ทักษิณ บอกทุกสีก็ดูได้ นายกฯมาร์คพูดอะไรก็เสนอตามนั้น "จอม-ตวงพร-ปลื้ม"ร่วมจัดรายการชื่นมื่น

เมื่อวันที่  23 พ.ย.  บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด  สถานีโทรทัศน์ทางอินเตอร์เน็ต รูปแบบใหม่ ได้แถลงข่าวเปิดตัว www.voicetv.co.th อย่างเป็นทางการ

โดยมีนายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท วอยซ์ทีวี  นายพานทองแท้ ชินวัตร   Executive Vice President ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร  กรรมการบริษัท  บุตรสาวและบุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าวด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา  ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีการเปิดตัวธุรกิจสื่อทีวีทางอินเตอร์เน็ตว่า  ในบริษัทดังกล่าว มีตนและน.ส.พิณทองทา เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกัน และยังมีบริษัท พีที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวร่วมถือหุ้นด้วย มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่  300 ล้าน  แต่ส่วนใหญ่จะไปลงที่สตูดิโอไปประมาณ  50 ล้าน  ทางอินเตอร์เน็ต ทางทีวี ประมาณ 10-20 ล้าน  ทั้งนี้  ตนโฟกัสที่อินเตอร์เน็ตมากกว่า  โดยมีแรงบันดาลใจในการให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่ ในแง่มุมต่างๆไม่จำกัดด้านใดด้านหนึ่ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า  การมาเปิดทำสื่อเช่นนี้ จะถูกมองว่าเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองหรือไม่ นายพานทองแท้ กล่าวว่า  ตนทำอะไรก็มีคนมองอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่อยากจะให้ดูที่รูปแบบรายการ คุณภาพการผลิต ผลงานตรงนั้นมากกว่า ไม่ได้มีจุดประสงค์ใดๆ ที่เปิดมาเพื่อการเมืองทั้งสิ้น

ส่วนที่ว่า การเปิดตัวครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้คำปรึกษาบ้างหรือเปล่า นายพานทองแท้กล่าวว่า ลำพังงานของพ่อก็เยอะอยู่แล้ว คงไม่มีเวลามาช่วยให้คำปรึกษาอะไร  แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า  ตนได้ไปปรึกษาแรกๆ  ตอนที่จะเริ่มทำ

เมื่อถามว่า ในอนาคต วอยซ์ ทีวี จะเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองหรือไม่  นายพานทองแท้ กล่าวว่า ไม่มีทางเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองอยู่แล้ว และตอนนี้อยากบอกจุดประสงค์ของการตัวเองอย่างชัดเจนว่า  เราไม่ได้เป็นเครื่องมือของการเมือง ไม่ได้เป็นเครื่องมือของเสื้อแดง ไม่ได้ทำเพื่อใคร  เราทำเพื่อเสนอข่าวและเสนอความหมายที่ต้องการสื่อของตัวเองให้ดี  อยากให้ลองเข้าไปชมกันอย่างจริงจังในเว็บไซต์ แล้วค่อยมาถามตนทีหลังดีกว่า  ทั้งนี้ การนำเสนอเรื่องการเมืองในเว็บไซต์ วอยซ์ ทีวี เป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น เพราะการเมืองเป็นข่าวที่นำเสนอทุกวันอยู่แล้ว

ขณะที่น.ส.พิณทองทา กล่าวว่า   วอยซ์ทีวี เป็นของคนรุ่นใหม่ เป็นเรื่องของการครีเอทีฟข่าว แต่ไม่ใช่มีจุดประสงค์หลักที่ทำเรื่องการเมือง เป็นแค่เรื่องของธุรกิจเท่านั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บริษัท พีที ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมถือหุ้นด้วย มีชื่อย่อมาจาก พจมาน-ทักษิณ หรือไม่ น.ส.พินทองทา กล่าวว่า  ว่า ไม่ใช่ ชื่อบริษัทพีทีเฉยๆ 

นายพานทองแท้ กล่าวว่า  หวังคืนทุนให้กับบริษัทภายใน 5 ปี ตอนนี้รายได้มาจากการขายสปอนเซอร์และกำลังเร่งรัดขายโฆษณาให้เยอะที่สุด  ไม่เกี่ยวกับการเมืองทั้งนั้น ซึ่งตนอยากจะให้สปอนเซอร์ช่วยๆ กล้าซื้อกันหน่อย 

สำหรับคอนเท้นท์ (เนื้อหา) ของวอยซ์ ทีวี นั้น นายพานทองแท้ กล่าวว่า  ขณะนี้ 100% คือ การให้ความรู้คนรุ่นใหม่ สร้างแรงบันดาลใจเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแชร์ความคิดเห็นกัน   ซึ่งตนมีประสบการณ์ทั้งถูกและผิดจากการทำบริษัท ฮาวคัม  และได้ทีมบริหารที่เป็นมืออาชีพเข้ามาทำงาน ทำให้การทำง่ายขึ้น

เมื่อถามว่า ทำไมถึงมาเปิดตัวในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่กระแสการเมืองกำลังร้อนแรง นายพานทองแท้ กล่าวว่า เราผลัดมานานหลายเดือนแล้ว  ขณะที่ น.ส.พินทองทา กล่าวเสริมว่า  กระแสไม่มีวันหยุด ไม่ว่าจะเปิดตอนไหนก็โดนทุกตอนอยู่แล้ว   ส่วนที่ว่าทั้ง 2 คนได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ บ้างหรือไม่ช่วงนี้ ต่างก็ตอบพร้อมกันว่า "ทุกวัน"

เมื่อถามว่า การมาเปิดวอยซ์ ทีวีอย่างนี้ กลัวจะถูกมองว่า เปิดขึ้นเพื่อพ่อหรือไม่ นายพานทองแท้ กล่าวว่า  ก็ กำลังโดนมองอย่างนั้นอยู่ แต่จริงๆ ไม่ได้กลัว เพราะหน้าตาตนมันก็เป็นโลโก้อยู่แล้ว  ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้  ด้านน.ส.พิณทองทา กล่าวเสริมว่า อยากให้นักข่าวทุกคนช่วยนำเสนอว่า พวกเราไม่ได้ทำเพื่อการเมืองแต่ทำในแง่ธุรกิจมากว่า

"ไม่ว่าท่านนายกฯ (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) จะพูดอะไร  ยังไงเราก็เสนอไปตามนั้น ไม่ได้มีการวิจารณ์หรือว่าเอาไปแสดงความคิดเห็นอะไร จะสีอะไรก็ดูได้ ตาบอดสีก็ดูได้" โอ๊คกล่าว และว่า จริง ๆวันนี้ พ่อว่าอย่ายุ่งการเมือง อย่าทำอะไรที่เป็นการพาดพิงการเมือง แม้กระทั่งการให้สัมภาษณ์วันนี้  ก็ไม่ควรพูดถึงการเมือง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามน.ส.พิณทองทา  ถึงที่มาเงินที่นำมาลงทุนในการเปิด วอยซ์ทีวี  ก็ได้รับคำตอบว่า เงินส่วนหนึ่งมาจากเงินที่เหลือจากการขายหุ้นสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งตนก็จะได้นำเงินส่วนตัวที่มีอยู่ไปทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเปิดตัว วอยซ์ ทีวีนั้น  ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนที่ไปร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยเริ่มมีการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการและทดลองออกอากาศมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา  ภายใต้แนวคิด “ Voice of the new generation” (เสียงของคนรุ่นใหม่)

โดยนายทรงศักดิ์ เปิดเผยว่า วอยซ์ทีวี คือสถานีโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทยที่ผู้ชมสามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.voicetv.co.th ด้วยระบบวิดีโอสตรีมมิ่งคุณภาพความคมชัดสูง  และตั้งเป้าหมายเป็นอินเตอร์เน็ตทีวีหมายเลขหนึ่งของประเทศไทยภายในปี 2553  มุ่งเน้นการรายงานข่าวสารและความเคลื่อนไหวล่าสุดจากทุกมุมโลก นำเสนอประเด็นที่อยู่ในความสนใจในมุมมองที่แตกต่างรวมถึงเนื้อหาที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่เพื่อนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ๆให้ชีวิตและสังคม

สำหรับแผนการในปี 2010 วอยซ์ทีวีจะทำการออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมกันทั้งเว็บไซต์และจานดาวเทียมโดยจะทำการผลิตรายการใหม่ที่มีความแตกต่างทั้งเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอ

เช่น รายการวิเคราะห์ข่าวภาคภาษาอังกฤษ The daily doze ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล , รายการสนทนาเชิงลึกแนวฮาร์ด ทอล์ค  Intelligence ดำเนินรายการโดยจอม เพชรประดับ และตวงพร อัศววิไล  อดีตผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว "ไอทีวี" , รายการที่นำเสนอเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ในระดับภูมิภาค Asia inspires , รายการที่นำเสนอคนไทยรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก Thai voice  , รายการ Thai taste และรายการ Traveller ภาคพิเศษเดินทางสู่ยอดเขา Everest  นอกจากนี้ยังมีอีกหลายรายการที่จะร่วมผลิตกับพันธมิตรในประเทศ รวมถึงการจัดหารายการคุณภาพจากต่างประเทศ

โดย นายจอม กล่าวว่า เหตุผลที่เข้ามาร่วมงานกับวอยซ์ทีวีนั้น เพราะเป็นเรื่องของอนาคตที่น่าสนใจ และการสร้างสรรค์การใช้ปัญญา

สิ่งที่ตนทำคือการเอาเรื่องราวในสังคม ปัญหาที่เกิดขึ้นมาพูดคุยกับคนที่ไม่โอกาสได้ออกสื่อ คุยด้วยปัญญาและเหตุผล โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องหลักที่สำคัญ ซึ่งหวังว่า รายการของตนจะนำพาให้ไปสู่ทางที่ดีขึ้นในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้

ส่วน มล.ณัฐกรณ์ กล่าวว่า ตนอยากทำรายการที่รับรู้การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

แต่จะมีการพุดคุยเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด  หลักการนำเสนอข้อมูลนั้นก็ไม่ได้ปิดกั้นเหมือนกับในโทรทัศน์และวิทยุ รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้หยิบเอาเรื่องที่ตนสนใจและเห็นว่ามีความสำคัญมานำเสนอ