เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ออกมาให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่า
รัฐบาลเตรียมเอฟ 16 ปฏิบัติการต่อเครื่องบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยว่า เรื่องนี้เป็นจินตนาการของนายจตุพร เอง รัฐบาลไม่ได้มีการเตรียมการใด ๆ ที่จะปฏิบัติต่อพ.ต.ท.ทักษิณ จนต้องมีการสั่งเอฟ 16 บรรจุลูกระเบิดนำวิถี 4 ลูก มาจอดที่สนามบินอู่ตะเภา และได้สอบถามเจ้าหน้าที่กับนายทหารกองทัพอากาศแล้วว่าเป็นการปฏิบัติการตามปกติของกองบิน เอฟ 16 ถ้าหากว่าจะปฏิบัติการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จำเป็นต้องนำเครื่องบินไปจอดที่สนามบินอู่ตะเภาแต่อย่างใด เพียงแต่ใช้ฐานการบินที่จ.นครราชสีมาก็สามารถดำเนินการได้ทันที
นายเทพไท กล่าวว่า
เรื่องดังกล่าวรัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติการตามที่ได้กล่าวหา แต่การรักษาน่านฟ้าไทยเป็นหน้าที่กองทัพอากาศต้องปฏิบัติการตามปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เครื่องบินส่วนตัวบินล้ำเข้ามาในน่านฟ้าไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต รัฐบาลก็จำเป็นต้องใช้พ.ร.บ.การปฏิบัติต่อการเดินอากาศยาน พ.ศ. 2519 ได้อย่างเต็มที่ เพราะคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษหนีคดีที่ทางการไทยต้องการตัวอยู่ อย่าว่าเพียงแต่จะเหยียบแผ่นดินเลย ถ้าเข้ามาน่านฟ้าไทยก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีการยกเว้น
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พยายามพูดถึงเทปลับของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ว่า
มีหลักฐานจริง ตนอยากถามว่าถ้ามีจริงทำไมไม่เอามาเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยหรือในกัมพูชา แต่เมื่อนายจตุพรบอกว่า ได้ฟังเขาเล่าลือกันมา ตัวเองไม่ได้ฟังด้วยหูไม่ได้เห็นกับตา แต่ออกมาพูดสร้างเรื่องให้ประเทศชาติเสียงหาย เหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้นายจตุพร กำลังถูกพล.อ.เตีย บันห์ ตบปากอย่างจัง ด้วยออกมายืนยันว่าเทป ลับไม่มีจริง และที่นายจตุพรพูดก็เพียงพูดเอามัน เพื่อให้เกิดความแตกแยกและสงครามระหว่าง 2 ชาติ จึงทำให้เห็นว่านายจตุพร กำลังยกระดับจากนักเสี้ยมภายในประเทศ ไปเป็นนักเสี้ยมระหว่างประเทศ และถ้าหากนายจตุพรยังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ก็จะเกิดความเสียหาย และสร้างความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้ได้ ซึ่งนายจตุพร กำลังพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ละเอียดยิ่งกว่าคนประเทศกัมพูชาเสียอีก จึงอยากเรียกร้องว่าอย่าทำตัวเหมือนกับเด็กที่คิดจะเผาบ้านตัวเองแทนที่จะช่วยพ่อแม่ที่ติดในกองเพลิงดับไฟ กลับมานั่งดูไฟไหม้บ้านตัวเองอย่างหัวเราะชอบใจ