หนึ่งปีพิสูจน์สัจจะ คืนอำนาจประชาชน

หลังจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534


การเมืองผันผ่านจากยุค รสช.คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ มีการเลือกตั้งแกนนำ รสช.ต่อท่ออำนาจนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ทำให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคปฏิรูปการเมือง มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจนเป็นที่กล่าวขานกันว่า

เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ

มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่มีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จ บริหารประเทศครบเทอม 4 ปี

ประชาธิปไตยเมืองไทยก้าวเดินมาถึงขั้นที่มีพรรคการ เมือง 2 ขั้วใหญ่ มีรัฐบาลพรรคเดียวเข้ามาบริหารประเทศ

ผ่านมา 15 ปีเต็ม


ไม่มีใครคิดว่าจะมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น

เพราะมองกันว่า ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ประชาธิปไตยโลกกำลังเบ่งบาน การปฏิวัติรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ล้าสมัย

แต่แล้วสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

ค่ำวันที่ 19 กันยายน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีคำสั่งเคลื่อนกำลังทหาร

ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจากรัฐบาลรักษาการภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย

ซึ่งในขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกา


ปฏิบัติการรัฐประหาร สำเร็จลุล่วง ไร้การต่อต้าน

ทักษิณ สิ้นอำนาจ หมดสภาพผู้นำอยู่ในต่างแดน

รุ่งขึ้น หลังจากยึดอำนาจจากรัฐบาล ทักษิณ ได้เบ็ดเสร็จ

คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ประกอบด้วย

พล.อ.สนธิ หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองหัวหน้าคณะปฏิรูปฯ ได้ร่วมกันแถลงการณ์ โดย พล.อ.สนธิ ได้ระบุว่า

ตามที่คณะปฏิรูปฯได้ทำการยึดอำนาจการปกครองได้เรียบร้อยแล้ว และมีผลให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ มีอันสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ คณะปฏิรูปฯได้มีความเห็นร่วมกันว่า


การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย อย่างรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในสังคมไทย

การบริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง

อีกทั้งมีพฤติกรรมแทรกแซงอำนาจขององค์กรอิสระ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติให้ลุล่วงไปได้

หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะส่งผลกระทบ ต่อความมั่นคงของชาติ และเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองบางโอกาสยังหมิ่นเหม่ ต่อการหมิ่นต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนชาวไทย

ดังนั้น คณะปฏิรูปฯจึงมีความจำเป็นต้องเข้ายึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน


เพื่อควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ของประเทศให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ สร้างความรู้รักสามัคคีในหมู่ ประชาชนให้ฟื้นคืนมาโดยเร็ว

ทั้งนี้ คณะปฏิรูปฯขอยืนยันว่า ไม่มีเจตนาจะเข้ามาเป็น ผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง

และจะคืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็วที่สุด

รวมทั้งจะดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขและความมั่นคงของชาติ เทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

จึงใคร่ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ตั้งมั่นอยู่ในความสงบ และสนับสนุนให้การดำเนินการบรรลุเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ต่อไป

ชี้ให้เห็นเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องยึดอำนาจจากรัฐบาล ทักษิณ อย่างแจ่มแจ้ง


นอกจากนี้ พล.อ.สนธิยังได้ประกาศจุดยืนของคณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการคืนอำนาจให้ประชาชน ต่อหน้าสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศว่า

จะดำเนินการให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว และมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากพลเรือน ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ

และให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยภายในเวลา 1 ปี

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ ขอบอกว่า การทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลของคณะปฏิรูปฯในครั้งนี้

แตกต่างไปจากการทำปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านๆ

เพราะถึงแม้จะมีการเคลื่อนกำลังทหาร รถถัง รถหุ้มเกราะ เข้ามายึดพื้นที่ใจกลางเมืองหลวง

แต่ก็ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ ไม่มีเสียงปืน


ที่สำคัญ คนส่วนใหญ่ให้การตอบรับการยึดอำนาจอย่างชัดเจน เห็นได้จากการที่ประชาชนหอบหิ้วข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม ผลไม้ รวมทั้งช่อดอกไม้

ไปมอบให้กำลังใจแก่ทหารที่รักษาการณ์อยู่ตามจุดต่างๆอย่างคับคั่ง

ชาวบ้านทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ พากันไปเดินเที่ยวถ่ายรูปรถถัง ถ่ายรูปคู่กับทหารอย่างเป็นกันเอง

บรรยากาศสนุกสนานครื้นเครง แทบจะไม่ต่างไปจากช่วงมีงานวันเด็ก

ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้หวาดผวากลัวลนลาน

นอกจากนี้ในด้านของสื่อมวลชน


ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ คณะปฏิรูปฯก็ยังคงเปิดโอกาสให้เสนอข่าวได้ตามปกติ

เพียงแต่ขอร้องให้นำเสนอข่าวสารอย่างสร้างสรรค์ ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก

ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปทางตลาดหุ้น ที่ปกติจะอ่อนไหวกับสถานการณ์ ก็ปรากฏว่า นักเล่นหุ้นก็ไม่ได้ตื่นตกใจกันถึงขนาดที่ทำให้หุ้นตกแบบทะรูดทะราด

ที่สำคัญ สวนดุสิตโพลได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการรัฐประหารที่เกิดขึ้น

ผลปรากฏว่า ประชาชนกลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 81 และประชาชนในต่างจังหวัด ร้อยละ 86

เห็นด้วยกับการดำเนินการของคณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ทำไมปฏิกิริยาสังคมถึงออกมาเช่นนี้

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ ขอชี้ว่า


การที่สังคมให้การตอบรับการยึดอำนาจ เป็นเพราะอยากเห็นประเทศชาติ

เดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่น ไม่ต้องการเห็นความแตกแยกในบ้านเมือง

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่เกิดปัญหาวิกฤติการเมือง วิกฤติการเลือกตั้ง

เป็นผลพวงมาจากปัญหาการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาล มีปัญหาการทุจริต คอรัปชัน เกิดขึ้นอย่างมากมาย

รวมทั้งมีการแทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้กลไกการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐพิกลพิการ

อำนาจเบ็ดเสร็จทางการเมืองแทรกแซงจนเป็นเหตุทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

สังคมแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย คนในประเทศแตก เป็นเสี่ยง

ปัญหาวิกฤติเหล่านี้ แม้จะมีความพยายามจากผู้หลักผู้ใหญ่ บุคคลสำคัญ


ในบ้านเมืองช่วยหาแนวทางคลี่คลาย

ใช้แนวทางการเมืองเข้ามาแก้ก็แก้ไม่ได้ ใช้แนวทางกฎหมายเข้ามาสางก็ยังเอาไม่อยู่

เพราะเห็นๆกันอยู่ว่า ถึงแม้ปล่อยให้มีการเลือกตั้งปัญหาก็ยังไม่จบ

หนำซ้ำสถานการณ์ยังส่อเค้าล่อแหลมบานปลายจนอาจ เกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ จลาจลกลางเมือง ปะทะนองเลือด

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ทหารต้องออกมาตัดไฟ

ใช้กำลังยึดอำนาจ เว้นวรรคประชาธิปไตย

ทั้งๆที่รู้ว่า เป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก


เสี่ยงว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ เสี่ยงต่อการทำให้ประเทศ ไทยถูกมองว่าล้าหลัง เสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่จะตกต่ำ เสี่ยงต่อการถูกประณามจากเวทีโลก

แต่เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ คณะปฏิรูปฯยึดอำนาจสำเร็จ

ก็ทำให้ผู้คนในสังคมที่กำลังเคว้งคว้าง อยากเห็นความสงบเกิดขึ้นในบ้านเมือง อยากเห็นปัญหาชายแดนใต้สงบ อยากเห็นความขัดแย้งทางการเมือง ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่คนไทยยุติลง

จึงหันมาหนุนคณะปฏิรูปฯ แม้ทุกคนจะมีหัวใจรักในความเป็นประชาธิปไตย แต่ก็พยายามทำใจ

เพราะรู้ว่าเมื่อบ้านเมืองมาถึงจุดวิกฤติเต็มที่ ไม่มีทางออกทางอื่น ก็เห็นความจำเป็นของการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปฯ

แต่แน่นอน เมื่อทำสำเร็จแล้ว โดยให้สัญญาว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนภายใน 1 ปี

เมื่อถึงตอนนั้น ประชาชนที่สนับสนุนก็ต้องอยากได้ อำนาจคืน ต้องการให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป

เพราะฉะนั้น อย่าเบี้ยว อย่าผิดสัญญา.

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์