ยุทธ ตู้เย็น ออกสันดานดิบคุกคามช่อง 7 - 9 ข้อหาปรปักษ์รัฐบาล

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2549 14:51 น.

ยุงยุทธ ติยะไพรัช เปิดสายด่วน 1310 โต้พันธมิตรฯ บิดเบือนความจริงใส่ร้าย ทักษิณ พร้อมยกข้ออ้างคนต่างจังหวัดทนไม่ไหวแล้ว ชนบทเลือกแต่คนกรุงไล่ สับเละสื่อทีวีช่อง 7, 9 และคอลัมนิสต์ 80% ทำตัวเป็นปรปักษ์รัฐบาล ระบุนายกฯ พระราชทานไม่ถูกต้อง ให้รอ 2 เม.ย.ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน

วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากเหตุการณ์ที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพวกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวหานโยบายดีๆ ของรัฐบาลหลายอย่างแบบบิดเบือน ผิดจากข้อเท็จจริง แต่เมื่อรัฐบาลชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วกับประชาชนกลับเป็นข่าวนำเสนอผ่านสื่อมวลชนน้อยมาก ดังนั้น รัฐบาลเห็นว่าตนและข้าราชการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และกระทรวงอื่นๆ พร้อมที่จะเดินสายชี้แจงนอกเวลาราชการตั้งแต่ 16.00 น.เป็นต้นไปตลอดเวลา ยินดีจะเดินทางไปทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ โดยจะเป็นการตอบแบบตรงไปตรงมา แต่ไม่ได้เป็นการพูดปลุกเร้าอารมณ์ จะนำไปสู่การเผชิญหน้าจนทำให้เกิดการแตกแยกในสังคม ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ส่วนใหญ่เห็นว่าพวกเขาเป็นคนเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมา แต่กำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งขับไล่ ซึ่งพวกเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้ว และไม่ยอมอีกต่อไป ซึ่งถ้าประชาชนกลุ่มใดสนใจอยากจะรับฟังคำชี้แจงให้โทรศัพท์มาได้ที่ 1310 ได้ทุกเวลา โดยรัฐบาลจะมีข้อมูลหลักฐานชี้แจงเต็มที

ที่ต้องชี้แจงผ่านสายด่วน 1310 เพราะไม่มีพื้นที่ข่าวเลย พอชี้แจงไปแล้วก็ได้เป็นข่าวน้อยมาก สายด่วนนี้จะเป็นการประสานกับประชาชน ในนโยบายของรัฐบาล ที่ทำงานไปแล้วแต่ถูกกล่าวหาแบบบิดเบือน ผม และข้าราชการกระทรวงทรัพย์จะไปชี้แจงเองด้วย จะให้ไปคุยที่ไหนก็ไป หลังเวลาราชการ 16.00 -17.00 น. หรือจะให้คุยกันถึงเช้าก็ได้ขอให้บอกมา นายยงยุทธ กล่าว

นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา เราเสียเลือดเนื้อเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย แต่วันนี้กลับเป็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ยิ่งมากล่าวอ้างถึงมาตรา 7 ที่ขอให้มีนายกรัฐมนตรีพระราชทานนั้นเห็นว่า การเมืองยังไม่ถึงทางตัน ดังที่นายสนธิ และพวกเป็นคนกล่าวอ้างที่ว่ากันไปเอง ซึ่งถ้าวันที่ 2 เม.ย.นี้ประชาชนไม่เลือก พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยินดีจะไปไม่รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ใช่ว่าจะให้มีกลุ่มคนบางกลุ่มมากดขี่รัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลต้องรักษาระบอบไม่ใช่ไปแคร์แค่กลุ่มบุคคลบางกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น การที่อ้างเรื่องการเมืองถึงทางตันจึงไม่ถูกต้อง

ถ้าวันที่ 2 ประชาชนไม่เลือกนายกฯ ก็พร้อมจะจากไป แต่ไม่ใช่ให้นายสนธิกับพวกมากดขี่รัฐบาล และการที่คนบางกลุ่มมากล่าวอ้างว่าการเมืองถึงทางตันจะใช้มาตรา 7 จึงไม่ถูกต้อง รมว.ทส. กล่าว

รักษาการ รมต.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวอีกว่า การที่กล่าวหากันว่ารัฐบาลแทรกแซงสื่อ โดยเฉพาะตามที่กลุ่มของนายสนธิ และพวกกล่าวหานั้น เป็นแผนเชิงจิตวิทยาของเขา เพื่อต้องการทำให้สื่อจำเป็นต้องนำเสนอข่าวของทางกลุ่มพวกเขามากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบดูข่าวสารจากสื่อมวลชนในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าคอลัมนิสต์ 70-80% เขียนบทความเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลอย่างยิ่ง หรือแม้แต่สื่อโทรทัศน์ก็เช่นกัน โดยเฉพาะช่อง 7 ที่นำเสนอภาพความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) เป็นการนำเสนอเป็นภาพเล็กๆ แทรกไปกลับละคร เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายสนธิและพวก ทำให้รัฐบาลถูกชี้หน้าว่าเป็นคนทำดีก็กลายเป็นคนชั่วไป จนต้องนำการทำลายระบอบประชาธิปไตยมาใช้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก

ช่อง 7 ยังมีช่องเล็กๆ เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของนายสนธิ และพวก ทำให้รัฐบาลถูกชี้หน้าว่า ทำดีก็เป็นการทำชั่วไป จนต้องนำมาทำลายระบอบ ด้วยการให้นายกฯ ลาออก นายยงยุทธ กล่าว พร้อมกับระบุอีกว่า แม้แต่ช่อง 9 ที่นำเด็กอายุ 10 ขวบมาออกรายการ โดยผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ช่องดังกล่าวถามเด็กว่าทำไมถึงไม่ชอบนายกฯ ทักษิณ แล้วก็ถามเด็กว่าเด็กรู้เรื่องเศรษฐกิจ และสังคมมาจากที่ไหน เด็กก็บอกว่ามาจากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นฝ่ายที่อยู่ฝั่งที่กล่าวหารัฐบาล ทำไมถึงทำกันอย่างนี้ ถ้าประชาชนได้ใช้วิจารณญาณจะเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างกระแสโดยไม่ใช่เนื้อหาสาระ

ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่า ในวันอังคารที่ 14 มี.ค.นี้จะเดินขบวนใหญ่มาปิดล้อมที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม ส่วนตนไม่อยากจะพูดประเด็นนี้เดี๋ยวจะเป็นประเด็นไปว่ากลัวหรือไม่กลัวที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมา จะกลายไปเป็นข่าวพาดหัวอีก อยากจะให้เกิดการเคารพกันในกรอบกติกา และรอบดีกว่า

ขณะที่ วานนี้ (6 มี.ค.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ทางรัฐบาลต้องการขอให้ข้าราชการ ระดับสูงทุกกระทรวง เช่น ปลัดกระทรวงต่างๆ ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ว่าพรรคการเมืองใดเข้ามา ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ แต่หากสิ่งใดที่ขัดต่อกฎหมายเป็นหน้าที่ที่ต้องทักท้วง

ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองน่ากังวล ทำให้เกิดความขัดแย้งในคนทั่วไป ในฐานะประชาชนก็ไม่สบายใจ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง เราผ่านเหตุการณ์ร้ายร้ายมามาก ถึง 3 ครั้งเราพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้วประชาธิปไตย ก็ก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ผมจึงไม่อยากให้บ้านเมืองก้าวไปสู่ภาวะแบบนั้นอีก เลขา ครม.กล่าว