คมชัดลึก :ส.ส.เพื่อไทย อ้างคำพูด"ฮุนเซน"ย้ำชัดรับไม่ได้"อภิสิทธิ์-กษิต" เผย เลี้ยงอาหารคึกคัก ส.ส.ไทย-เขมรผสมพันธุ์ชื่นมื่น ด้านนักวิชาการหนุน "อาเซียน" เคลียร์ปม "ไทย-กัมพูชา" ชี้ สองชาติตึงเครียดอีกยาว จี้บัวแก้วกระชากหน้ากากเผด็จการ"ฮุนเซน"ให้ชาวโลกเห็น
(14พ.ย.) นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากกัมพูชาเพื่อไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า วานนี้ (13พ.ย.)ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้รับประทานอาหารค่ำร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เสียมราฐ โดยมีสมเด็จฮุนเซน และนักการเมืองเขมรมาร่วมงานเลี้ยงด้วยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น สมเด็จฮุนเซนต้อนรับเป็นอย่างดี ในงานนี้สมเด็จฮุนเซน ขึ้นเวทีพูดกับส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า เรื่องปัญหาความขัดแย้งวันนี้ไม่ได้เป็นความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา แต่เป็นเพราะรับไม่ได้กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ปัญหาวันนี้เป็นเพราะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายเดียว ที่ปล้นอำนาจและเป็นระบอบอำมาตยาธิปไตย
นายประชา กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซนย้ำกับส.ส.เพื่อไทยว่าให้มั่นใจว่าความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาจะกลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิม เพราะกัมพูชาไม่เคยคิดจะแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยสถานการณ์น่าจะดีขึ้น สำหรับกรณีที่แต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษานั้นสมเด็จฮุนเซนบอกว่าเพราะรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณมานานรู้ว่าเป็นคนมีความสามารถโดดเด่นมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน และส่วนตัวสมเด็จฮุนเซนสงสารพ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกปฎิวัติ
นอกจากนี้สมเด็จฮุนเซน ยังย้ำกับส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าให้ไปบอกคนไทยว่าควรเป็นกำลังใจให้พ.ต.ท.ทักษิณช่วยพากลับบ้าน ขอให้รักษาพ.ต.ท.ทักษิณให้ดีเพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพส่วนความผิดคดีอื่นๆนั้นไม่ขอยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องกระบวนการ สมเด็จฮุนเซน บอกว่าประเทศกัมพูชาไม่มีการยึดอำนาจ และไม่มีการตั้งคตส.ขึ้นมา
ดังนั้นประเด็นที่รัฐบาลไทยจะประสานขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นกัมพูชาจึงมองไม่ตรงกัน เพราะไม่เข้าข่ายตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และยืนยันกับส.ส.เพื่อไทยว่าให้บอกประชาชนที่สนับสนุนทักษิณ ให้สบายใจได้ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณมาอยู่กัมพูชาเมื่อไหร่ก็จะดูแลความปลอดภัยให้อย่างดี เมื่อกล่าวถึงตรงนี้พ.ต.ท.ทักษิณก็ขอบคุณสมเด็จฮุนเซนที่มีน้ำใจเข้าใจมีเหตุมีผลและเชื่อมั่นว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ตัวปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาขึ้นมา และพ.ต.ท.ทักษิณ เองก็บอกว่าไม่ตั้งใจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ แต่ต้องการมาสร้างประโยชน์ทั้งไทยและกัมพูชาให้เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้ฮุนเซ็นถอนทหารจากกัมพูชา ว่า มีการคุยกันจริงระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณและฮุนเซนเนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณห่วงใยต่อสถานการณ์ความตรึงเครียดบริเวณชายแดนจึงขอให้มีการสั่งถอนทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งนายกฯฮุนเซนตอบรับและมีการสั่งถอนทหารกัมพูชาออกจากชายแดนและจัดกำลังบริเวณชายแดนตามปกติ
นอกจากนี้ฮุนเซนได้ย้ำสส.เพื่อไทยที่ไปพบว่าเสียดายแทนคนไทยที่มีนายกฯที่มีความสามรถแต่ไม่มีแผ่นดินพำนักแม้แต่พาสปอตก็ไม่มี จึงอยากฝากบอกไปยังคนไทยว่าไม่ต้องห่วงจะดูแลพ.ต.ท.ทักษิณอย่างดี วานนี้ส.ส.เพื่อไทยก็ได้ร้องเพลงและมอบดอกไม้ให้ฮุนเซน เป็นการขอบคุณด้วย
กรณีที่กัมพูชาจับตัววิศวกรไทยตนได้สอบถามพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หากคนไทยที่ถูกจับไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้รัฐบาลติดต่อทางพ.ต.ท.ทักษิณ ทีพร้อมช่วยเหลือแต่เบื้องต้นพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้คุยกับฮุนเซนเรื่องนี้ ล่าสุดพ.ต.ท.ได้เดินทางไปจากกัมพูชาแล้วเพื่อไปพบแขกคนสำคัญคนหนึ่งและใช้เวลาในการบิน 7 ชม.
นายสุรัตน์ โหราชัยกุล อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ กล่าวถึงปัญหา ไทย-กัมพูชา หลังมีการจับกุมวิศวกรชาวไทย ว่า ฮุนเซนรู้ดีว่าจับคนไทยแม้เพียงคนเดียว รัฐบาลไทยจะมีความวิตกกังวล มากต่างจากกัมพูชาหากจะมีการจัดการกับแรงงานของเขาในเมืองไทย ฮุนเซนคงจะไม่เดือดร้อนมากนัก ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยหรือภาควิชาการจะต้องเปิดโปงพฤติกรรมความเป็นเผด็จการของฮุนเซนให้โลกได้เห็นเพื่อให้นานาชาติรู้ว่าสภาพที่แท้จริงในกัมพูชาเป็นอย่างไร โดยจัดสัมมนาหลายๆครั้ง เพราะที่ผ่านมาฮุนเซนปกปิดข่าวสารนำเสนอข่าวฝ่ายเดียวมาโดยตลอด เราต้องเข้าไปสนิทสนมกับบุคคลสำคัญต่างๆหรือสื่อมวลชนในกัมพูชามากขึ้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงเส้นแบ่งระหว่างประเทศเหมือนที่กัมพูชาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย อ้างว่าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่ตกต่ำมีต้นเหตุมาจากการตั้งนายกษิต ภิรมย์ ที่วิจารณ์ฮุนเซน มาเป็นรมว.ต่าประเทศ นายสุรัตน์ กล่าวว่า เป็นความพยายามจะเชื่อมโยงและโยนความผิด เพราะการวิจารณ์คนที่เป็นผู้นำประเทศไม่ว่าประเทศใดนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งในกรณีของนายกษิต นั้น กัมพูชาเพียงแต่ส่งหนังสือประท้วงหรือชี้แจงมาที่สถานทูตไทยก็เพียงพอ แต่ปัญหาเวลานี้คือการที่ฮุนเซนไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งหากจะอ้างอดีตย้อนกลับไปทั้งสองฝ่ายก็จะอ้างย้อนกลับไปได้ไม่สิ้นสุด
นายสุรัตน์ วิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะตึงเครียดต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง และหลังจากนั้นควรจะมีประเทศที่เป็นกลาง อาจจะเป็นอาเซียน มาทำหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายจนเกิดผลกระทบกับประชาชน อย่างไรก็ตาม การที่กัมพูชาไม่เปลี่ยนจุดยืนที่มีต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งทำให้แนวโน้มความขัดแย้งบานปลายออกไป