เขมรคุยมีหลักฐานมัดวิศวกรไทยรอศาลพิพากษา รัฐบาลไทยยันไม่จำเป็นต้องส่งสายลับสอดแนมน่านฟ้ากัมพูชา

รบ.ไทยยันไม่จำเป็นต้องสอดแนมน่านฟ้ากัมพูชา

ขณะนี้มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง กรณีที่หนังสือพิมพ์เอเชียไทม์ส วันที่ 12 พฤศจิกายน ยืนยันว่า เดือนเมษายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปพักอยู่ที่สนามกอล์ฟอังกอร์วัด เสียมราฐ และมีรูปถ่ายยืนยัน โดยช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคลื่อนไหวล้มรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณก็โฟนอินเข้ามายั่วยุและบอกว่าจะเข้ามาทางอีสานและเป็นผู้เดินนำ เรื่องนี้จึงอาจจะเชื่อมโยงกับที่วิศวกรไทยโดนจับ ซึ่งอาจเข้าไปรู้ถึงตารางการบิน ทั้งที่กัมพูชาพยายามปกปิด จึงต้องมีการจับตัวและตั้งข้อหาวิศวกรไทยรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่จำเป็นต้องไปสอดแนมหรือบินลาดตระเวนข้ามน่านฟ้ากัมพูชา และยืนยันว่ามาตรการของทางการไทยใช้การทูตและไม่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

เรื่องนี้อยากถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณรู้สึกอย่างไรบ้างที่คนไทยถูกจับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ ขณะนี้เป็นเรื่องอันตรายที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้าของสองประเทศ จากความพยายามยั่วยุ กุเรื่อง ซึ่งเป็นความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฯฮุน เซน หรือไม่ ที่ต้องมีการใช้กำลังและลุกลามจนประเทศอื่นต้องเข้ามาในวงขัดแย้งด้วย แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะปกป้องไม่ให้เรื่องนี้สัมฤทธิผล เพราะปัญหาเกิดจากคน 2 คน ที่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาสร้างปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขัดหลักปฏิบัติสากลอย่างยิ่ง

ในรายงานฉบับนี้ยังอ้างว่ามีสื่อต่างประเทศหลายฉบับไปสัมภาษณ์นายจักรภพ เพ็ญแข ที่กัมพูชา โดยคำให้สัมภาษณ์ระบุว่า มีการเตรียมใช้กำลังล้มล้างรัฐบาล และขนอาวุธเข้ามาทางอีสาน จึงขอให้ตรวจสอบถึงความเชื่อมโยงของทุกเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในวงกว้าง

"สามารถ" เร่งแก้ พนง.ถูกจับ

แหล่งข่าวจากบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เดินทางไปประเทศกัมพูชา พร้อมกับทนายแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่ทราบข้อมูลของนายศิวรักษ์เท่าใดนัก เนื่องจากแคตส์ เป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจแยกต่างหากออกจากกลุ่มสามารถฯ ซึ่งพนักงานของบริษัทดังกล่าวก็จะพำนักอยู่ที่กัมพูชาตลอด ทำให้ทางกลุ่มสามารถฯยังไม่มีข้อมูลในขณะนี้

"ตอนนี้ปัญหาสำคัญคือ ต้องเร่งแก้เรื่องที่พนักงานบริษัทถูกกล่าวหาว่าขโมยข้อมูลก่อน ซึ่งผู้บริหารกลุ่มสามารถฯก็รีบเดินทางไปทันทีพร้อมทนาย" แหล่งข่าวกล่าว

เขมรคุยมีหลักฐานมัดวิศวกรไทย

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานอ้างคำกล่าวของนายกอย กวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวซินหัวเมื่อวันก่อนว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่ขับนักการทูตไทยออกนอกประเทศเพิ่มอีก

"จุดยืนของรัฐบาลเราในขณะนี้คือ ไม่ได้มุ่งหมายที่จะขับไล่นักการทูตไทยคนอื่นๆ ออกนอกกัมพูชาอีก แต่สำหรับเลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชานั้น มีความเกี่ยวข้องกับการจารกรรมข้อมูลในกัมพูชาจริงๆ ซึ่งเรามีหลักฐานชัดเจนที่จะมาพิสูจน์ว่าเลขานุการเอกฯและชายไทยที่ถูกตำรวจกัมพูชาจับกุมเมื่อเร็วๆ นี้นั้นได้เข้ามาจารกรรมข้อมูลในกัมพูชา โดยศาลกัมพูชาจะพิจารณาตัดสินโทษผู้ต้องหาชาวไทยคนดังกล่าวในเร็วๆ นี้" โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชากล่าว

ขยายผลเชื่อมโยงเอาผิดคนเอี่ยว

หนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ของกัมพูชาฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน อ้างการเปิดเผยของนายซก เรือน ผู้ช่วยอัยการศาลกรุงพนมเปญ กล่าวว่า ขณะนี้นายศิวรักษ์ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเปร ซาร์ (Prey Sar) และถูกตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีภายใต้มาตรา 19 ของกฎหมายว่าด้วยเอกสารสำคัญปี 2005 ของกัมพูชา ซึ่งครอบคลุมถึงการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติหรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ซึ่งหากศาลพิจารณาว่านายศิวรักษ์มีความผิดจริงจะได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 7-15 ปี และถูกปรับเป็นเงินอีกระหว่าง 5-25 ล้านเรียล หรือคิดเป็นเงินบาทราว 40,730-203,600 บาท ด้าน พล.ท.ซก พัล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยหรือไม่

สำหรับเรือนจำเปร ซาร์ เป็นคุกที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือนจำทั้ง 24 แห่งของกัมพูชา มีนักโทษถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ราว 500 คน อยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา มีนายมง กิม เฮง เป็นผู้อำนวยการเรือนจำตั้งแต่ปี 2543