อชิรวิทย์ ถอดเครื่องแบบชี้ทางออกนายกฯ-พันธมิตรฯ-ฝ่ายค้าน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2549 13:17 น.
อชิรวิทย์ ระเบิดความรู้สึกอีกครั้ง เผยเขียนจดหมายถึงนายกฯ เสนอทางออกฝ่าวิกฤตไม่ให้รับตำแหน่ง หากพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง แต่พรรคฝ่ายค้านต้องลงรับเลือกตั้ง พร้อมรณรงค์เปิดไฟหน้ารถแสดงพลังเงียบ กับการเห็นด้วยกับสันติวิธีที่จะให้ทั้งนายกฯ และฝ่ายพันธมิตรฯหันหน้ามานั่งโต๊ะเจรจากันอย่างสันติ
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแหงชาติ(ตร.) พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร.แถลงว่า หลังจากที่ได้เปิดการแถลงข่าวไปเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ปรากฏว่ามีประชาชนเข้าใจผิดว่าที่ตนพูดเป็นการออกมาพูดแทนรัฐบาล ซึ่งขอยืนยันว่าที่ออกมาพูด เป็นการออกมาพูดในฐานะโฆษก ตร.ที่รับความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 220,000 นาย เป็นการพูดจากความรู้สึกของตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยไม่มีเหตุร้าย หลังจากมีการชุมนุมยืดเยื้อ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ประกอบกับที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และฝ่ายรัฐบาลไม่เคยมาตั้งโต๊ะเจรจาพูดคุยกัน มีแต่ต่างฝ่ายต่างขึ้นเวทีคนละที่คนละเวลา เช่น วันที่ 3 มี.ค. ฝ่ายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ออกมาปราศรัย มีประชานมาฟังเป็นแสนคน ขณะที่วันที่ 5 มี.ค.กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้มีการชุมนุมเช่นเดียวกัน เวลาห่างกันเพียง 48 ชม. กำลังตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยก็มีความเหนื่อยล้า เพราะต้องมีการเตรียมการตั้งแต่ก่อนการชุมนุม จนกว่าการชุมนุมจะเสร็จสิ้น แต่ผลที่ผ่านมากลับมีการด่าว่าตำรวจผ่านทางเว็บไซต์ด้วยถ้อยคำหยาบคายเหมือนตำรวจไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งตนรับไม่ได้
ขณะนี้บ้านเมืองเรา ประชาชนคนไทยขาดความเมตตา ขาดอารมณ์ขัน บางกลุ่มบางพวกคิดแต่จะเอาชนะคะคานกัน ผมอยากให้คนส่วนใหญ่ คนที่เงียบ ประชาชนที่เฝ้าดูอยู่หรือคนที่เหนื่อยหน่ายสถานการณ์ที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้แสดงพลังบ้างโดยสันติวิธี จึงอยากขอประชาสัมพันธ์ว่า ถ้ารักพ่อ อย่าทะเลาะกัน สนับสนุนให้ทุกฝ่ายเจรจากันด้วยสันติวิธี เปิดไฟหน้ารถ ขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้เป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพียงอยากให้ทุกฝ่ายปรองดองกัน หันหน้าเข้าหน้ากันเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา อย่าให้ทางออกเป็นปัญหา เหมือนคำที่พระพยอมเคยพูด ปีนี้ก็เป็นมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี จึงเป็นปีที่ประชาชนน่าจะมาช่วยกันรักษาบ้านเมือง พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนพูดในฐานะโฆษก ตร. แต่จะขอพูดในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพันองค์กร ว่า ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ เมื่อ 10 วันที่ผ่านมาได้ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้ หลายฝ่ายที่ชุมนุมกันขอให้นายกฯ ลาออก ในขณะที่นายกฯ ก็ไม่ยอมลาออกเพื่อต้องการรักษากติกา โดยถ้อยคำในจดหมายระบุว่า อยากให้นายกฯ ประกาศไม่รับตำแหน่งหลังการเลือกตั้งหากพรรคไทยรักไทยชนะ และให้สรรหาบุคคลที่เหมาะสม แต่ฝ่ายค้านต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยขอพระราชทานแก้ไขพระราชกฤษฎีกา เลื่อนวันเลือกตั้ง ถือเป็นการถอยคนละก้าว หากประชาชนตัดสินให้พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคชาติไทยชนะการเลือกตั้งก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จผู้ที่ได้รับเลือกก็ตั้งคณะกรรมการมาปฏิรูปการเมือง ครบ 1 ปีก็ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพวกเราจะได้รักษากติกาของบ้านเมือง โดยไม่ต้องขอพระราชทานนายกฯ ตามมาตรา 7 ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ปัญหาก็สามารถคลี่คลายได้
ตามระบบรัฐธรรมนูญ ผมมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ใช่ฐานะตำรวจ บ้านเมืองไม่ใช่ของคุณสนธิ คุณอภิสิทธิ์ หรือคุณบรรหาร แต่เป็นของคนไทยทุกคน พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า ในการเปิดไฟหน้ารถ ตำรวจจะมีการปฏิบัติเป็นการนำร่องก่อนหรือไม่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่ได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายตำรวจ และเว็บไซต์ส่วนตัวของตน ไม่ได้เป็นการบังคับ หากใครเห็นด้วยกับรัฐบาล หรือฝ่ายต่อต้านก็ไม้ต้องเปิด แต่สำหรับประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางสันติวิธี ก็เปิดไฟหน้ารถได้ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนผู้รักสันติวิธีตจะต้องช่วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การที่ออกมาพูดในลักษณะเช่นนี้ ไม่กลัวถูกมองว่าเป็นตำรวจที่ฝักใฝ่การเมืองหรือไม่ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ผู้นี้ตอบว่าตนเป็นตำรวจที่ฝักใฝ่ประชาชน และพร้อมที่จะไปเพราะอายุราชการก็เหลือไม่มาก หากมีปัญหาก็พร้อมที่จะยื่นใบลาออก และที่ออกมาพูดล้วนเป็นความคิดเห็นส่วนตัว
ผมรักองค์กรตำรวจ ผมมีพ่อเป็นตำรวจ ผมเติบโตมากับตำรวจ อะไรที่สามารถทำประโยชน์ให้กับองค์กรตำรวจ หรือบ้านเมืองก็ยินดีที่จะทำ ใครจะด่าว่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายก็ไม่ว่า แต่ผมไม่รับ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ ย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ในครั้งนี้ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ได้เน้นย้ำว่า เป็นการออกมาพูดและแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ท.อชิรวิทย์ได้ออกมาพูดและแถลงข่าวดังกล่าวที่ห้องประชุม 3 ชั้น 2 ตึกบัญชาการ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ แถลงข่าวในนามโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกครั้ง