"สุเทพ"ลั่นพร้อมสู้หาก"แม้ว"ตั้งวอร์รูมบนเกาะกง "มาร์ค" อ้างรู้ทันเขมรไม่เต้นตาม ยังไม่ปิดสถานทูต "สุเทพ"เมิน"จิ๋ว"บอกรอยร้าวไทย-กัมพูชาใกล้ยุติ พร้อมสู้หาก"แม้ว"ตั้งวอร์รูมเกาะกง "มาร์ค"เชื่อเขมรไล่เลขาฯทูตไทยหวังยั่วยุ ชงครม.หามาตรการโต้ เมื่อถามว่าความหวังที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ยากหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความพยายามยั่วยุส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันเขาก็พยายามที่แสดงภาพว่ามีการถอนทหาร "ไม่มีปัญหาเลยขณะนี้ สิ่งที่เขาทำไปก็ไม่มีอะไรมากมาย สิ่งที่เราต้องการให้เขาทบทวนเป็นสิ่งที่เราสามารถทำต่อเนื่องได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำมาก็เป็นแบบปฏิบัติทางการทูตที่เวลามีความไม่พอใจ ซึ่งเราก็แสดงไปแล้ว" นายกฯร่วมถกเอเปคสิงคโปร์ เล็งวีดีโอลิงก์หากเหตุการณ์วุ่นวาย นายกฯ หารือ "กษิต" เล็งเพิ่มมาตรการต่อกัมพูชา "มาร์ค"ถกด่วน สมช.เต็มคณะ ชี้เสียงดังไม่ได้แปลว่าแข็ง 2 ประเทศต่างขับเลขานุการเอก
สัมพันธ์"ไทย-เขมร"บานปลาย กัมพูชาขับเลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย "บัวแก้ว"ทำคืนทันควัน "มาร์ค"เรียกประชุมด่วนหน่วยงานมั่นคง "ปณิธาร"ยันเขมรเริ่มก่อน เล็งทบทวนโครงการร่วมมือสัปดาห์หน้า "สุเทพ"เมิน"จิ๋ว"บอกรอยร้าวไทย-กัมพูชาใกล้จบ พร้อมสู้หาก"แม้ว"ตั้งวอร์รูมเกาะกง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ถึงกรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชาใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว ว่า ไม่ได้ให้น้ำหนักคำพูดของ พล.อ.ชวลิต เพราะมักพูดในสิ่งที่ขาดน้ำหนักและต้องนำมาตีความ ทั้งนี้ มองว่าความขัดแย้งของระหว่างไทยและกัมพูชาเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากการเดินทางไปประเทศกัมพูชาของ พล.อ.ชวลิต และบานปลายมาจนถึงวันนี้
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะใช้เกาะกง เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลไทย โดยเชื่อว่าคนไทยคงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตนไม่อยากให้คาดการณ์กันไปล่วงหน้า แต่ถ้าหากเกิดขึ้นจริง รัฐบาลก็พร้อมที่จะสู้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถึงแนวทางในการดำเนินมาตรการ หลังจากที่กัมพูชาประกาศขับนายคำรพ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศ ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อังคารนี้จะพิจารณามาตรการตอบโต้กัมพูชาเพิ่มเติม รวมถึงโครงการความช่วยเหลือด้านเงินกู้ 1.4 พันล้านบาท
เมื่อถามว่ารัฐบาลไทยจะมีมาตรการอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ ขณะนี้เราต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เขาพยายามจะยั่วยุเป็นเรื่องอะไร ขณะเดียวกันเราไม่ต้องทำอะไรที่บุ่มบ่าม แต่ทำในสิ่งที่มีผลจริงๆ
เมื่อถามว่าเขายั่วยุเพื่ออะไร นาอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่ง 2 คนก็พึ่งพากันเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่าจะต้องมีการปิดสถานทูตสองประเทศหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่คิดว่าจะไปถึงตรงนั้น เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์น่าจะไปถึงแล้ว นายกฯกล่าวว่า คิดว่าเราต้องค่อยๆประเมิน เราอย่าเพิ่งใช้คำว่าเต้นตามจังหวะของเขา
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก(เอเปค) ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยจะออกเดินทางในวันนี้ (13 พ.ย.) และมีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ นายอภิสิทธิ์จะวีดีโอลิงก์จากสิงคโปร์กลับมา
สำนักข่าวไทยรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่รัฐสภา เพื่อเพิ่มมาตรการทางการทูตที่จะดำเนินการต่อกัมพูชา ภายหลังไทย-กัมพูชาให้เลขานุการเอกสถานทูตออกนอกประเทศเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.)
"ปณิธาน"ยันกัมพูชาเรียกเลขาฯทูตกลับก่อน เล็งทบทวนโครงการร่วม
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับรายการเก็บตกจากเนชั่นเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่า ยังไม่มีการระงับโครงการให้ความช่วยเหลือหรือความร่วมมือใดๆกับกัมพูชา แต่ในสัปดาห์หน้ากระทรวงการต่างประเทศจะสรุปว่ามีโครงการความร่วมมืออะไรต้องทบทวน ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดินแดนและสถานการณ์การทางการเงินจะต้องนำเสนอรัฐสภา
นอกจากนี้ รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเรียกเลขานุการเอกประจำเอกอัคราชทูต ณ กรุงพนมเปญกลับ ว่า เป็นการปรับระดับกิจกรรมในภาพรวม ถือว่าเป็นไปตามสถานภาพ แต่ความสัมพันธ์ในแง่ประชาชนยังดีอยู่ การปรับความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ปรับขึ้นลงตามสถานการณ์ ตามกระบวนการทางการทูต แต่ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เช่นเดียวกับการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา หรือการให้สัมภาษณ์ดูหมิ่น ดูแคลน
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เรียกประชุมด่วนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เต็มคณะ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่สำนักงาน สมช. เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ภายหลังรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธที่จะส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้รัฐบาลไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
ภายหลังประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า วาระที่สำคัญคือ การประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การปฏิเสธไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติของสากลและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้น รัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศกำลังพิจารณามาตรการหลายอย่างเพิ่มเติม ทบทวนโครงการความร่วมมือโดยแนวทางต่างๆ ของรัฐบาลมีความชัดเจนว่าเป็นปัญหาสองฝ่ายที่ไม่กระทบกระเทือนกับประเทศอื่นๆ
"การดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดบนความเข้าใจที่ตรงกันจะประสบความสำเร็จ จะต้องขอความร่วมมือจากประชาชนคนไทยทุกคน ผมอยากเห็นความสามัคคี พร้อมกับที่คนไทยแสดงออกถึงความอดทนอดกลั้น มีวุฒิภาวะ ทั้งหมดเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายไทยเลย รัฐบาลและคนไทยจะเคารพกฎกติกาและมีความประสงค์ที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุรัฐบาลไทยปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความคลั่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ใครไปปลุกล่ะ รัฐบาลไทยอยู่เฉยๆ ตั้งแต่แรกแล้ว" เมื่อถามว่า สมเด็จฯฮุน เซน มีความพยายามให้สัมภาษณ์และส่งสัญญาณในแง่เล่นเกมจิตวิทยาหลายๆ ครั้ง นายกฯพอจะรับมือและเท่าทันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่สนใจเรื่องเล่นเกมอะไร ผมมีหน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ที่จะปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ผมจะไม่เอาเรื่องตัวผมเองเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดถ้าทุกคนยึดผลประโยชน์ส่วนรวม ปัญหาก็ไม่เกิด ดังนั้น ผมจะเดินหน้ายึดประโยชน์ส่วนรวม ไม่เอาเรื่องตัวผมเข้าไปเกี่ยวข้อง"
เมื่อถามว่า นายกฯ จะใช้ไม้แข็งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ใช้รูปแบบตามสากล เราอย่าไปคิดเอาเองอะไรแข็งอะไรอ่อน ตะโกนเสียงดัง ก็ไม่ได้แปลว่าแข็ง พอทำอะไรเงียบๆ ทุกทีก็ได้ผลมากกว่า"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวจบ นายอภิสิทธิ์เรียก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการกองทัพไทย และ ผบ.เหล่าทัพทุกคน มาสั่งความครู่หนึ่ง พร้อมยื่นเอกสาร 2 แผ่น ให้ พล.อ.ทรงกิตติ จากนั้นเรียกปลัดกระทรวงการต่างประเทศเข้าหารือในห้องรับรอง ต่อด้วยเรียก พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) หารืออีกราว 5 นาที ทั้งนี้ก่อนขึ้นรถกลับ
"บัวแก้ว"เสนอมาตรการตอบโต้
นพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกฯ ได้มอบหมายในที่ประชุม สมช. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนการให้เงินกู้แก่กัมพูชาในโครงการก่อสร้างถนนหมายเลข 68 ช่องจอม จ.สุรินทร์-กัมพูชา มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังสอบถามถึงผลกระทบด้านการคลัง หากมีการใช้มาตรการตอบโต้กัมพูชา กระทรวงการคลังรายงานว่าในระยะสั้นยังไม่มี แต่ในระยะยาวอาจจะมี แต่ยังประเมินไม่ได้ว่ามากน้อยแค่ไหน
ด้านนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมมาตรการต่างๆ เพื่อแสดงท่าทีตอบโต้กัมพูชา และรายงานให้นายกฯทราบแล้ว ขึ้นอยู่กับนายกฯว่าจะใช้มาตรการอะไร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะต้องรอดูท่าทีของทางการกัมพูชาก่อน
กองทัพยันไม่เพิ่มกำลังทหาร
พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหาร ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกระแสลมที่ผ่านไปผ่านมา ไม่มีอะไร ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง กองทัพเองไม่ต้องเตรียมความพร้อมเพราะไม่มีอะไร
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง กล่าวว่า ในที่ประชุม สมช.หน่วยงานด้านการข่าวได้สรุปสถานการณ์และขั้นตอนการปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนของทุกกองกำลัง รวมถึงประเมินการสับเปลี่ยนกำลังของฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายทหารย้ำว่าการทำหน้าที่รักษาชายแดน และรักษาความความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งกองทัพมีความพร้อมและได้ให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อให้นายกฯได้รับทราบว่าความสัมพันธ์ทางทหารในพื้นที่ของสองประเทศอยู่ในระดับที่ดี
ชี้เขมรทำผิดขั้นตอนเรื่องขอตัว
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการภายหลังจากฝ่ายกัมพูชาส่งจดหมายปฏิเสธที่จะส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนว่า การตอบจดหมายกลับมาโดยกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาไม่ได้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะกัมพูชาไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ที่ต้องนำคำร้องของไทยส่งไปยังอัยการสูงสุดและศาลของกัมพูชาก่อน เพื่อให้ฝ่ายตุลาการของกัมพูชาพิจารณาว่า จะต้องส่งตัวบุคคลดังกล่าวกลับไทยตามคำขอหรือไม่
"หลังจากได้จดหมายตอบกลับมาอย่างนี้แล้ว สิ่งที่เราต้องดำเนินการคือ กรมสนธิสัญญาและกฎหมายและอัยการสูงสุดของไทย จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร" นายพนิช กล่าว
ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังบานปลายออกไปเรื่อยๆ โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มระลอกสองก่อน ในวันเดียวกันนี้ ด้วยการประกาศขับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศ ในฐานะบุคคลไม่พึงปรารถนา (เพอร์ซันนา น็อน กราตา) ซึ่งถือเป็นบุคคลระดับ 3 ในประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ในขณะที่กระทรวงต่างประเทศไทยก็ตอบโต้ด้วยการขับเลขานุการเอก สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทางการกัมพูชาได้ตอบโต้การที่ไทยสั่งทบทวนการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) รวมถึงระงับความช่วยเหลือที่ให้กับกัมพูชาหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณบรรยายพิเศษให้กับนักเศรษฐศาสตร์กัมพูชา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ด้วยการประกาศให้นายคำรบ เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา โดยขอให้เดินทางออกจากกัมพูชาภายใน 48 ชั่วโมง ขณะที่ทางการไทยก็ได้ตอบโต้ด้วยการขับนายเสง ลีนา นักการทูตกัมพูชา ประจำสถานเอกอัครราชทูตในไทย เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และให้เดินทางออกจากประเทศไทยภายใน 48 ชั่วโมงเช่นกัน ทั้งนี้ การประกาศขับนักการทูตดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามข้อ 9 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ปี 2504 ที่ระบุว่า รัฐผู้รับสามารถดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลแก่รัฐผู้ส่ง
"บัวแก้ว"ยันจำเป็นต้องตอบโต้
น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า มีการดำเนินการเช่นนั้นกับนักการทูตไทยที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญจริง ซึ่งเมื่อฝ่ายไทยได้รับทราบก็ได้ทำไปในวิธีเดียวกัน และเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับเดียวกัน
"เราไม่ได้ทำมากไปกว่าที่ฝ่ายกัมพูชาทำ เพราะเราไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน และไม่ได้ทำให้มันมากขึ้น เขาทำเท่าไหร่ เราทำเท่านั้น เพราะเป็นความจำเป็นที่เราต้องตอบโต้" น.ส.วิมล กล่าว
นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การที่กัมพูชาประกาศให้นายคำรบเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา โดยขอให้เดินทางออกจากกัมพูชาภายใน 48 ชั่วโมงนั้น ไม่ได้หมายความว่า เป็นการปิดสถานทูตไทยแต่อย่างใด เพราะสถานทูตไทยในกัมพูชายังมีเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ยังปฏิบัติงานอยู่ที่สถานทูต ในกรุงพนมเปญ อีก 4 คน ทั้งหมดเป็นผู้ชาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้เรียกเจ้าหน้าที่หญิงให้เดินทางกลับมาหลังมีการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับไทย อย่างไรก็ดี ยังคงมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยราชการอื่นๆ อาทิ ทูตทหารที่ยังคงทำงานอยู่ในกัมพูชาต่อไป
"กษิต"บินด่วนกลับจากสิงคโปร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกัมพูชาขับนักการทูตไทยออกนอกประเทศ จนไทยต้องตัดสินใจตอบโต้แบบเดียวกันนั้น นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปคที่ประเทศสิงคโปร์ ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยทันที ในช่วงดึกของวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยระบุว่า มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับเพื่อไปปรึกษานายกรัฐมนตรี ส่วนจะเดินทางกลับมาที่สิงคโปร์ เพื่อร่วมประชุมเอเปคอีกหรือไม่นั้น ต้องขึ้นกับนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาว่า จำเป็นต้องมีคนคอยอยู่ดูแลสถานการณ์หรือไม่
นายกษิตกล่าวว่า การไล่นักการทูตไทยกลับแสดงว่ากัมพูชายังเชื่อมั่นในตัวทักษิณ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย แต่คิดว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่รุนแรง เป็นแค่ออเดิฟ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่โอนอ่อนกับเรื่องนี้ แต่จะมีมาตรการใดๆ ออกมานั้นจะให้เวลากัมพูชาในการตั้งสติ และรัฐบาลไทยจะต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง
สมัชชาฯยุปิด 3 ด่านเข้าบ่อน
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการเครือข่ายสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เครือข่ายสมัชชาฯจะเดินขบวนไปที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อยื่นหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ขอให้ทบทวนมาตรการด้านความมั่นคงที่มีต่อกัมพูชา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไทยเน้นการเจรจาสันติวิธีทางการทูตเกินไป โดยไม่ให้ความสำคัญทางด้านความมั่นคง จึงไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์
นายไชยวัฒน์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปิดด่านที่เป็นประตูสู่บ่อนการพนันของกัมพูชาใน 3 ด่าน คือ ด่านปอยเปต ด่านคลองลึก และด่านสุรินทร์ เพราะ 3 ด่านนี้เป็นประตูที่นำเงินกว่า 7,000 ล้านบาท ให้แก่สมเด็จฯ ฮุน เซน ขอเสนอรัฐบาลไทยสั่งกองทัพภาคที่ 1 และ 2 วางกำลังในชายแดนไทยกับกัมพูชาในจุดที่เหมาะสม และให้กองทัพอากาศนำเครื่องบินเอฟ 16 บินรอบแนวชายแดนวันละหนึ่งเที่ยวบิน สุดท้ายนำกองทัพเรือเคลื่อนประชิดเกาะกงในเขตทะเลไทย
นักวิชาการเตือนอย่ารักชาติเกิน
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาว่า หากไม่จำกัดขอบเขตความขัดแย้งจะบานปลาย หากปิดพรมแดนความเสียหายทางเศรษฐกิจจะมีสูง เพราะไทยลงทุนในกัมพูชามหาศาล ถือเป็นประเทศเดียวในรอบบ้านที่ไทยได้ดุลการค้า เพราะฉะนั้นไทยอาจทุบหม้อข้าวตนเอง
"ต้องจำกัดขอบเขตของชาตินิยมให้อยู่ที่ความรัก ไม่ใช่ความหลง ไม่อย่างนั้นประเทศจะเสียหาย และเมื่อรักชาติแล้วก็ต้องรักอย่างสร้างสรรค์ด้วย"นายชาญวิทย์ กล่าว
ส่วนที่ศาลากลาง จ.จันทบุรี กลุ่มผู้ค้าตามชายแดน ชาวสวนผลไม้ ประมาณ 800 คน ชุมนุมเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลปิดพรมแดนเพื่อตอบโต้กัมพูชา เพราะจะทำให้การค้าและการท่องเที่ยวเสียหาย โดยหลังมีข่าวจะปิดพรมแดน มีการชะลอสั่งสินค้าและผลไม้จากไทย หากปิดจริงก็จะทำให้ชาวสวนลำไยขาดแคลนแรงงานชาวกัมพูชาที่พร้อมเดินทางกลับประเทศ
สุเทพลั่นพร้อมสู้หากแม้วตั้งวอร์รูมบนเกาะกง มาร์ค อ้างรู้ทันเขมรไม่เต้นตาม ยังไม่ปิดสถานทูต
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง สุเทพลั่นพร้อมสู้หากแม้วตั้งวอร์รูมบนเกาะกง มาร์ค อ้างรู้ทันเขมรไม่เต้นตาม ยังไม่ปิดสถานทูต