"มาร์ค"ไม่บุ่มบ่ามแก้ปม"เขมร" หวั่นเข้าทาง"แม้ว" บ.สามารถฯปัดตารางบินเป็นความลับ "วิศวกรไทย"ถูกจับ บ.สามารถฯ แจงพนง.เป็นเพื่อนเลขาฯทูต นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 พฤษจิกายนว่า สาเหตุที่ทางการกัมพูชาจับพนักงานวิศวกรรม 2 คน เพราะนำข้อมูลตารางการบินออกไปในช่วงที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาเกิดข้อพิพาทกัน ซึ่งขณะนี้ได้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไปแล้ว 1 คน ยังเหลืออีก 1 คนอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากพนักงานคนดังกล่าวเป็นเพื่อนกับเลขานุการเอกสถานทูตไทยในกัมพูชา ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศไทย จึงส่งผลให้เกิดปัญหาขึ้น "ตางรางบินที่พนักงานนำออกมาเป็นตารางการบินที่หาดูได้ทั่วไป แต่อาจเป็นเพราะอยู่ในภาวะตรึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา" นายวัฒน์ชัยกล่าวและว่า หลังจากพนักงานทั้ง 2 คนถูกจับ ทางบริษัทได้แจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว "มาร์ค"ลั่นดูแลวิศวกรไทย เหมือนคนอื่น ด้านนายกษิต กล่าวว่า ตนกำลังประสานกับต้นสังกัดชายคนดังกล่าว ทั้งในพนมเปญและในเมืองไทย ขณะนี้ตำรวจกัมพูชาก็กำลังสอบสวนอยู่ แต่ทางสถานทูตไทยประจำกัมพูชาก็ต้องให้การดูแล เพราะเป็นหน้าที่ เมื่อถามถึงสถานการณ์ของสถานทูตไทยในประเทศกัมพูชา นายกษิต กล่าวว่า ขณะนี้เหลือตัวแทนทุกหน่วยงานทำงานอยู่เพียง 7 คน โดยไม่มีสตรีอยู่ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของประเทศเจ้าบ้านที่ต้องดูแลความปลอดภัย เช่นเดียวกับรัฐบาลไทยที่จะดูแลสถานทูต เพื่อให้เขามีความมั่นใจว่าจะอยู่ด้วยความปลอดภัย สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ทางการกัมพูชาได้จับกุมตัวนายศิวรักษ์ ฐานเป็นสายลับต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเดินทางเยือนกัมพูชา พล.ต.ท.ซก พัล รองผู้บัญชาการตร.กัมพูชา เปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ได้ขโมยข้อมูลหมายกำหนดเที่ยวบินของพ.ต.ท.ทักษิณ และส่งให้แก่อัครราชทูตคนที่ 1 ของไทยประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งในขณะนั้นได้ถูกทางการกัมพูชาสั่งให้ออกจากประเทศฐานปฎิบัติภารกิจขัดต่อหน้าที่ทูต และทางการกัมพูชาได้นำตัวเจ้าหน้าที่ไทยผู้นี้ขึ้นศาลแขวงในกรุงพนมเปญเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยข้อหาขโมยข้อมูลที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งหากผิดจริงจะต้องถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี "มาร์ค"ไม่บุ่มบ่ามแก้บาดหมาง ชาวบ้านเก็บขาวข้องเตรียมอพยพ "ส่วนผลกระทบกรณีทางการกัมพูชาประกาศให้เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา โดยขอให้เดินทางออกจากกัมพูชาภายใน 48 ชั่วโมง ขณะที่ทางการไทยตอบโต้โดยให้นักการทูตกัมพูชาประจำสถานเอกอัครราชทูตในไทยเดินทางออกจากประเทศไทยภายใน 48 ชั่วโมงเช่นกันนั้น เรื่องนี้เป็นการเดินเกมทางการเมืองของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งทางทหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันว่าความสัมพันธ์ของทหารในระดับพื้นที่ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทหารทั้ง 2 ประเทศ และยังไม่มีความจำเป็นหรือเหตุที่บ่งบอกว่าจะต้องมีการปิดพรมแดนแต่อย่างใด" พล.ท.วีร์วลิต กล่าว ----------------------------------------------------
เขมรจับ"วิศวกรไทย"กล่าวหาจารกรรมตารางบิน"แม้ว" ส่งศาลข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง ต้นสังกัดชี้แค่ข้อมูลทั่วไป ไม่ใช่ความลับ "กษิต"โวยใส่ร้าย บัวแก้วประสานให้ความช่วยเหลือ "มาร์ค"ไม่บุ่มบ่ามแก้บาดหมาง วอร์รูม ปชป.แนะวิธีสู้ ใช้แผนรัฐต่อรัฐ กองทัพปัดสอดแนม
จากกรณีทางการเขมรจับนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ วัย 31 ปี เจ้าหน้าที่วิศวกรสัญชาติไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศกัมพูชา หน่วยจราจรอากาศบริษัทคุมการบิน บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครืองบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขึ้นศาลแขวงพนมเปญ พร้อมแจ้งข้อหาเป็นสายลับ เพราะเชื่อขโมยข้อมูลเที่ยวบินเกี่ยว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งให้ทูตไทยคนหนึ่ง โดยระบุว่ามีโทษจำคุก 15 ปีนั้น
ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายเกียรติ สิทธิอมร ผู้แทนการค้าไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมาขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปร่วมการประชุมเอเปค ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน ที่ประเทศสิงคโปร์
ก่อนขึ้นเครื่อง นายอภิสิทธิ์พยักหน้า เมื่อถูกถามว่า ทราบข่าวที่วิศวกรไทยซึ่งทำงานในบริษัท กัมพูชา แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส ถูกตำรวจกัมพูชาจับจากการก็อปปี้เอกสารเกี่ยวกับเที่ยวบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชาและของสมเด็จฯฮูน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แล้วหรือไม่
เมื่อถามว่า จะดูแลคนไทยคนนั้นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "จะดูแลเหมือนอย่างที่ดูแลคนไทยเวลาที่เจอคดีในต่างประเทศ"
"กษิต"โต้กล่าวหาเป็นสายลับ ลั่นถูกใส่ร้าย
เมื่อถามว่า มีมาตรการรักษาความปลอดภัย หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า แน่นอน ตนหารือทุกครั้งในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายกฯ เป็นประธาน ขอยืนยันว่าในฐานะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของข้าราชการและคนไทยอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้บ้านเมืองเกิดความปั่นป่วยวุ่นวาย นายกษิต กล่าวว่า ไม่มี มีอยู่เรื่องเดียวคือระบอบทักษิณยังไม่ตายจากไป ระบอบทักษิณที่เคยใช้สื่อต่างประเทศเป็นเครื่องมือโจมตี บ่อนทำลายสังคมไทย แค่คราวนี้ก็ไปยืมมือรัฐบาลเพื่อนบ้าน เป็นเครื่องมือในการล้มล้างสถาบัน ระบบการเมือง การปกครองของไทย
"เรื่องก็มีอยู่แค่นี้ ผมก็หวังว่ามิตรประเทศทั้งหลาย คงจะไม่ทำเช่นที่ได้มีการกระทำกันไปแล้วโดยประเทศเพื่อนบ้านประเทศหนึ่ง และให้เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่เอาผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นตัวตั้ง และก็สร้างความฉิบหายวายวอดให้กับประเทศชาติ" นายกษิต กล่าว
ต่อมา นายกษิต ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ข้อกล่าวหาที่คนไทยดังกล่าวโดน ถือเป็นการกลั่นแกล้งและใส่ร้าย เมื่อถามว่า บุคคลดังกล่าวเป็นสายลับของรัฐบาลหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ไม่ใช่ เมื่อถามย้ำมีความพยายามขโมยข้อมูลเส้นทางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณจริงหรือไม่ นายกษิต ไม่ตอบแต่โบกมือปฏิเสธแทน
"สุเทพ"มึนไม่รู้เรื่อง ปัดจ้างฆ่า"แม้ว"150 ล.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตึกสันติไมตรีว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีกัมพูชาจับกุมตัวนายศิวรักษ์ เพราะยังไม่ได้รับรายงาน รอให้ตนได้รู้เรื่องนี้ก่อน ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่อง
ส่วนกรณีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย ระบุมีบุคคลอักษรย่อ ส. ว่าจ้างลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้ค่าตอบแทนสูงถึง 150 ล้านบามนั้น นายสุเทพ หัวเราะก่อนกล่าวว่า "มันเป็นใครล่ะ ส.เสือน่ะ สุเทพเหรอ ถ้าผมมี ก็ตายไปนานแล้ว ไม่มี อย่าไปพูด ปัดโธ่ถ้าผมมี 150 ล้าน ผมไปทำอย่างอื่นแล้ว นี่คนบางคนมันก็ทำให้มันยุ่งเข้าไว้ ไม่จริง ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ คนไทยเขาไม่คิดทำอย่างนั้น"
กัมพูชาจับวิศวกรไทยกล่าวหาเป็น"สายลับ" "
ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาเลวร้ายขึ้นไปอีก ภายหลังทั้งสองได้ขับทูตของแต่ละฝ่ายออกจากไทยและกัมพูชา เพื่อประท้วงและตอบโต้ต่อกรณีกัมพูชาได้แต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ
ด้านหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชารายงานว่า วิศวกรไทยรายนี้ทำงานเป็นวิศวกรของบริษัทกัมพูชา แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส หรือ CATS พร้อมระบุว่า นายศิวรักษ์สอดแนมด้วยการก๊อบปี้เอกสารเกี่ยวกับเที่ยวบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางมากัมพูชา และสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผ่านบริษัท CATS ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเที่ยวบินทุกเที่ยวในกัมพูชา
"ปณิธาน"ให้สถานทูตในกัมพูชาดูแล
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กัมพูชาได้จับคนไทยจริง ทราบว่าคนไทยดังกล่าวได้ทำการจารกรรม ซึ่งจะขอสอบถามรายละเอียดการจับกุม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม สถานทูตมีเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายที่จะให้คำแนะนำตามหลักกฏหมายสากล ไม่ใช่เป็นประเด็นที่รัฐบาลเราจะไปยุ่งกับการสอบสวนและเจ้าหน้าที่คงมีการประสานกันเป็นการเบื้องต้นแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีกัมพูชาระบุว่า นายศิวลักษณ์มีสายสัมพันธ์กับสถานทูตไทย นายปณิธาน กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนของเราด้วย ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลคนไทยให้ดีไ ม่ทำอะไรเป็นการไปขัดกฏหมายท้องถิ่นของกัมพูชา
ปัดขับทูตไม่เกี่ยวจารกรรมข้อมูล
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยกำลังประสานงานเพื่อขอเข้าไปดูแลและขอความยุติธรรมจากทางการกัมพูชาว่ากรณีนี้เป็นเรื่องอะไร เพราะในเบื้องเข้าใจว่านายศิวลักษณ์มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของกำหนดการเดินทางโดยเครื่องบินอยู่แล้ว ถ้าทราบข้อมูลดังกล่าว ก็ไม่น่าจะเข้าลักษณะว่าเป็นการขโมยข้อมูล อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทั้ง 2 กรณีน่าจะเกี่ยวข้องกันนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ขึ้นกับการตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ ตนได้สอบถามนายคำรบแล้ว นายคำรบยอมรับว่ารู้จักกับนายศิวลักษณ์แค่ผิวเผินในกลุ่มคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแต่ไม่ได้สนิทคุ้นเคยกัน และยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้นายศิวลักษณ์หาเที่ยวบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมองว่าการสั่งการให้เลขานุการเอกเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนานั้น เป็นคนละเรื่องกับที่มีการพูดถึงการโจรกรรมข้อมูลเที่ยวบิน
ส่งจนท.ประสานช่วยวิศวกร
น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ แต่ตามหลักปฏิบัติของสถานเอกอัครราชทูตทุกแห่งในเรื่องการดูแลคนไทยโดยส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลและประสานงาน
"ในหลักการจะมีการติดตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา และติดตามว่านายศิวลักษณ์อยู่ที่ใดและได้รับการดูแลอย่างไร ซึ่งเราต้องให้เกียรติและเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมของทุกประเทศ" น.ส.วิมลกล่าว
ส่วนที่ทางกัมพูชาได้แจ้งให้นักการทูตไทยในพนมเปญเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา โดยขับตัวกลับภายใน 48 ชั่วโมงนั้น น.ส.วิมลกล่าวว่า จดหมายที่ได้รับจากกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาระบุเพียงว่า คนของสถานเอกอัครราชทูตไทยเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 9 ของอนุสัญญาเวียนนา ปี ค.ศ.1961 โดยไม่ได้ระบุเหตุผลใดๆ และเป็นสิ่งที่กัมพูชาสามารถทำได้ แต่มักจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทั้งนี้ ขอย้ำว่า นี่เป็นมาตรการทางการทูตระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล สิ่งสำคัญคือจะไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ได้ประสานงานกับทางการกัมพูชา เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทางการกัมพูชาเป็นอย่างดี
ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์หารือกับนายกษิตที่ห้องรับรอง บริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองชาติที่เกิดขึ้นว่า "มีการดำเนินการไปในมาตรการที่เหมาะกับสิ่งที่เขาทำ แต่สิ่งที่เราเดินหน้าทำต่อเนื่องก็เป็นเรื่องที่จะพิจารณาและรอจังหวะในการดำเนินการ"
นายกฯ ยังกล่าวถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ยากหรือไม่ว่า เป็นความพยายามยั่วยุส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกัน เขาก็พยายามที่แสดงภาพว่ามีการถอนทหาร อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เขาพยายามจะยั่วยุเป็นเรื่องอะไร ขณะเดียวกัน เราไม่ต้องทำอะไรที่บุ่มบ่าม แต่ทำในสิ่งที่มีผลจริงๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า เขายั่วยุเพื่ออะไร นาอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนหนึ่ง 2 คนก็พึ่งพากันเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางการกัมพูชาสร้างภาพถอนทหารเพื่ออะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นไปตามแนวทาง และแผนในเรื่องนี้ เพราะมีเรื่องของมรดกโลกอยู่ แต่เราก็รักษาประโยชน์ของเรา และไม่เดินตามแผนเขา เมื่อถามว่าทำอย่างไรไม่เดินตามแผน นาอภิสิทธิ์กล่าวว่า พื้นที่ตรงนั้นเราก็ใช้ตามแผนเดิม เมื่อถามว่ามีผลหรือไม่กับการถอนทหารออก นายกฯกล่าวว่า เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาพยายามทำมาโดยตลอด เมื่อถามว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไร นายกฯกล่าวว่า เพื่อไปอ้างกับมรดกโลกว่าไม่มีปัญหา
ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดสถานทูต 2 ปท.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงแผนการรับมือกับการถูกกัมพูชาตอบโต้ตลอดว่า "ไม่มีปัญหาเลยขณะนี้ สิ่งที่เขาทำไปก็ไม่มีอะไรมากมาย สิ่งที่เราต้องการให้เขาทบทวนเป็นสิ่งที่เราสามารถทำต่อเนื่องได้ ดังนั้น สิ่งที่เขาทำมาก็เป็นแบบปฏิบัติทางการทูตที่เวลามีความไม่พอใจ ซึ่งเราก็แสดงไปแล้ว"
เมื่อถามว่า ต้องรปิดสถานทูตสองประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่คิดว่าจะไปถึงตรงนั้น เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์น่าจะไปถึงแล้ว นายกฯกล่าวว่า คิดว่าต้องค่อยๆประเมิน อย่าเพิ่งใช้คำว่าเต้นตามจังหวะของเขา
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้รัฐบาลเสียสมาธิในการแก้ปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน แต่เราทำตามหลัก ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะมีงานอื่นที่สำคัญกว่าที่เราทำอยู่" เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า รัฐบาลกำลังปลุกปั่นกระแสคลั่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่มีอะไร ความรู้สึกถูกปลุกมาโดยการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นการกระทำที่คนไทยยอมรับไม่ได้ ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ ความรู้สึกมาจากตรงนี้ ไม่ได้มาจากรัฐบาล"
เมื่อถามว่า กัมพูชาไม่ให้ซื้อสินค้าไทย นายกฯ กล่าวว่า "ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลยการค้าขายตามแนวชายแดนปกติ"
"ชวน"ให้ชี้แจงเพื่อหักล้างข้อมูลผิด
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องชี้แจงประเทศกัมพูชา ทั้งระดับนักการเมืองหรือระดับประชาชนให้เข้าใจว่าศาลไทยเป็นศาลที่เชื่อถือได้ เพราะปัญหาอาจเกิดจากบุคคลที่วิ่งเต้นศาล ไม่ได้จึงอาจโวยวายแล้วไปให้ข้อมูลผิดๆ กับอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้มีการวิจารณ์และประเมินศาลไทยไปในทางที่ไม่ถูกต้อง อันนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะกระบวนการยุติธรรมหรือศาลถือเป็นหลักสำคัญมาก เมื่อมีการพูดถึงศาลไทยในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง จะต้องทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องขึ้น ถึงแม้เขาจะไม่ฟังก็ตาม แต่อย่างน้อยประชาชนในกัมพูชาต้องรู้ว่าระบบศาลของไทย ฝ่ายการเมืองไปสั่งไม่ได้ อย่างเช่น กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะไม่ใช้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้ชี้ จะมีกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ชี้ ซึ่งประเด็นนี้คิดว่าจะมีปัญหาต่อไปในกรณีคำสั่งของกัมพูชาซึ่งไม่ผ่านกระบวนการอย่างนี้ และจะมีปัญหาเงื่อนไขต่อไป
"วอร์รูม"ชี้ยั่วให้ตบะแตก-แนะวิธีแก้
รายงานข่าวจากคณะทำงานประเมินสถานการณ์ทางการเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ว่า เป็นความพยายามของสมเด็จฯ ฮุน เซน และ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะยั่วยุให้นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลตบะแตก จนลุกลามไปถึงการปิดชายแดนระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน ส่งผลให้เกิดการปะทะกันของทั้ง 2 ประเทศ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เข้าทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางแก้ปัญหาที่ทางวอร์รูมได้เสนอไปยังรัฐบาลคือ การตอบโต้แบบรัฐต่อรัฐ โดยใช้การทูตเป็นหลัก และให้เป็นหน้าที่ของนายกฯ นายกษิต และฝ่ายความมั่นคงในการโต้ตอบ อย่างไรก็ตาม ยังประเมินอีกว่า ขณะนี้ต่างชาติกำลังจับจ้องสถานการณ์ระหว่างไทยกับเขมร หากทางการไทยทำอะไรรุนแรง ก็เหมือนกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะใช้วิธีตอบโต้ตามหลักการทูตที่นานาชาติยอมรับ รวมทั้งการเงียบไม่สร้างเงื่อนไขยั่วยุ โดยจะลดบทบาททีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาแบบรัฐต่อรัฐ และมีการประเมินว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงจนถึงขั้นแตกหักอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เพราะถ้ารัฐบาลยึดหลักการใช้เหตุผลไม่เข้าทางเกม พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้อีกยาว เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เชื่อว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องหาวิธีการอื่นมาเคลื่อนไหวอีก เพื่อบรรลุเป้าหมายล้มรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลต้องวิเคราะห์สถานการณ์แบบช็อตต่อช็อตเพื่อไม่ให้ผิดพลาด
"สุเทพ"ไม่ให้น้ำหนักคำพูด"จิ๋ว"
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธาน พท. ระบุปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาใกล้จะยุติแล้ว ว่าไม่ได้ให้น้ำหนักกับสิ่งที่ พล.อ.ชวลิตพูด เพราะชอบพูดเรื่องแปลกๆ ไปเรื่อย ตามไม่ทัน แปลก็ไม่ถูก ที่บอกว่าปัญหาใกล้จะยุติ แต่ก็เห็นว่าโดนตอบโต้ทางการทูตมากกว่าเดิม เลยแปลความไม่ถูก ต้องไปถาม พล.อ.ชวลิตว่าที่พูดมาแปลว่าอะไร
"ท่านไปเขมรมาหลังจากนั้นไม่นานก็ทำให้สมเด็จฯฮุน เซน ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ แล้วฮุน เซน กับคุณทักษิณ ก็ร่วมกันซัดรัฐบาลไทย เล่นงานรัฐบาลไทยมาเป็นขบวน อย่างนี้คุณชวลิตบอกเป็นสิ่งดีๆ อย่างนั้นหรือไง ผมก็เลยแปลไม่ถูก" นายสุเทพ กล่าว
ไม่แน่ใจ"แม้ว"วางอะไรไว้ก่อนจาก
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณี หาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากประเทศกัมพูชา ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสองประเทศจะดีขึ้นหรือไม่ว่า ก็ไม่แน่ เพราะไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปวางอะไรไว้บ้าง เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามโชว์จุดขายของตัวเองในความเป็นนักธุรกิจ ทั้งเรื่องการมาเป็นที่ปรึกษา และการที่จะมาพัฒนาเกาะกงให้เป็นแหล่งกาสิโนคอมเพล็กซ์ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องว่าไม่ให้ความสำคัญ แต่เป็นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกคำพิพากษาของศาล แต่ได้หนีคดีออกไปนอกประเทศ คนไทยยังไม่มีใครไล่พ.ต.ท.ทักษิณเลย แต่พ.ต.ท.ทักษิณกลัวถูกจำคุกก็หนีออกไป และที่มาต่อสู้อยู่ขณะนี้ ก็เพราะต้องการเอาทรัพย์สินที่ถูกอายัดคืน เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า ซึ่งยืนยันว่าความสัมพันธ์ทางด้านการทหารระหว่างไทยกับกัมพูชายังดีอยู่
"ความขัดแย้งจะลดระดับลงในช่วงใดนั้น คงจะเป็นปัญหาอยู่พักหนึ่ง ถ้าเราปล่อยวางสักพักเราคงสบายใจขึ้น วันเสาร์-อาทิตย์นี้ ก็ไปพักผ่อนหายใจลึกๆ ทำอย่างอื่นบ้างลืมหน้าคุณทักษิณกอดกับคุณฮุนเซน ไปสักระยะหนึ่ง สัก 2 วันก็จะทานข้าวได้ นอนหลับ" นายสุเทพ กล่าว
ผบ.ทบ.สั่งทหารอย่าเพิ่ม"ตึงเครียด"
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากกัมพูชาประกาศขับเลขานุการเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)เชิญประชุมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่กองบัญชาการกองทัพบกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมไปถึงพล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบข้อมูล ข่าวสารที่ปรากฏในสังคม และท่าทีการปฏิบัติของรัฐบาล เพื่อให้ผู้บังคับหน่วยทหารที่มาประชุมได้รับทราบข้อมูลจากแหล่งกำเนิดเดียวกันจะได้ไม่เข้าใจผิด และป้องกันการสับสน นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดถึงข้อห่วงใยจากนายกรัฐมนตรีว่า ไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง และความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชา ดังนั้น ภารกิจทางทหารในปัจจุบันยังเป็นภารกิจเดิมคือ รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนด้วยการปฏิบัติที่ดีที่สุด คือ การพยายามไม่เพิ่มความตึงเครียดของการเผชิญหน้ากันในลักษณะของการใช้กำลัง ซึ่งผบ.ทบ.ต้องการสื่อความหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องได้รับทราบจะได้เข้าใจให้ตรงกันป้องกันการสับสน เพราะปัจจุบันข้อมูลข่าวสารปัจจุบันจากหลายๆที่อาจไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามผบ.ทบ.ไม่ได้เป็นห่วงสถานการณ์อะไร
นายกฯ กำลังอย่าให้เกิดเผชิญหน้า
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯได้กำชับลงมาว่า รู้สึกเป็นห่วงไม่อยากให้การปฏิบัติทางการทูตที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และการปฏิบัติงานทางทหาร จึงได้กำชับว่าขอให้ปฏิบัติภารกิจตามแนวทางที่รัฐบาลให้ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มการปฏิบัติอะไรให้เกิดความตึงเครียด หรือให้เกิดการเผชิญหน้ามากกว่าที่เป็น เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่หมู่บ้านภูมิซรอล พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นการปฏิบัติที่เป็นกิจวัตรประจำวันระหว่างหน่วยทหารตามแนวชายแดนไทยกับหน่วยทหารเพื่อนบ้านซึ่งมีกับทุกประเทศ การจัดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ไม่ได้จัดเป็นกรณีพิเศษอะไร แต่เป็นกิจกรรมที่มีแผนงานตามปกติประจำปีเพื่อเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ในการที่จะรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนของกองกำลังทหาร และทำความเข้าใจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน ซึ่งมีกำหนดแข่งขันกีฬาเดือนละ 1 ครั้ง
น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาระบุว่า กองทัพอากาศไทยส่งเครื่องบินเข้าไปสอดแนมในประทศกัมพูชาว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้กองทัพอากาศยึดมั่นในเรื่องกฎการบินอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีการบินล้ำแดน และช่วงเวลาดังกล่าวกองทัพอากาศไม่มีภารกิจในการบินบริเวณชายแดนด้วย
สำหรับสถานการณ์ชายแดนด้านจ.ศรีสะเกษนั้น ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่รอบเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ ต่างเตรียมพร้อมสู้รบอย่างเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายทหารกัมพูชามีการเคลื่อนไหวทางทหารเพื่อเตรียมพร้อมสู้รบเช่นกัน อย่างไรก็ตามนายทหารระดับสูงทั้งสองฝ่าย มีการพยายามสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันอย่างเต็มที่แล้ว และไปมาหาสู่กัน เพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์ไม่ให้เลวร้ายลงกว่าเดิม
ทั้งนี้ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย และชาวบ้านทุกหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา หลายครอบครัว ได้เตรียมเก็บข้าวของทรัพย์สินมีค่าต่างๆแล้วเนื่องจากว่าหากมีการสู้รบกันขึ้นระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาก็สามารถอพยพเคลื่อนย้ายได้ทันท่วงที
หนุนทหารตรึงพื้นที่กันถูกยึด
นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนา จ.ศรีสะเกษ(คปส.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลกัมพูชาขับเจ้าหน้าที่ทูตไทยออกจากประเทศกัมพูชาถือว่าเป็นการหยามประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือจากไทยทุกด้านมาโดยตลอด ทั้งนี้ขอสนับสนุนให้ทหารไทยตรึงกำลังที่เขาพระวิหารต่อไป ไม่ควรถอนกำลังทหารออกมาอย่างเด็ดขาด เพราะหากถอนกำลังทหารออกมา ฝ่ายกัมพูชาจะเข้ายึดครองพื้นที่ทันที
ส่วนที่หน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนครนครราชสีมา กลุ่มพันธมิตรโคราช นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี และสมาชิกพันธมิตรนครราชสีมากว่า 100 คน รวมพลังต่อต้านสมเด็จฮุนเซน จากนั้นเดินเท้าไปยังบริเวณทางเข้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ปิดพรมแดนไทย-กัมพูชาด้านติดกับภาคอีสาน โดย พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ส่งตัวแทนมารับหนังสือ
"ปทีป"สั่งตร.หาข่าว-เข้มชายแดน
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งเลขที่ 0007.33/06780 ด่วนที่สุด ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน เรื่องกำชับการปฎิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ถึงบช.ภ.2-3 สตม. ตชด. บช.ก. บช.ส. บช.ปส.และกองสารนิเทศ โดยระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทย กัมพูชาอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติเพื่อให้การปฎิบัติในอำนาจหน้าที่ของตร. ในการรองรับสถานการณ์ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยให้ดำเนินการดังนี้ 1.สืบสวนหาข่าวที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะแนวชายแดนไทย 2. เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการตรวจอนุญาตบุคคล ยานพาหนะเข้าออกราชอาณาจักรบริเวณขชายแดนไทยกัมพูชา ให้เป็นไปตามระเบียบ และกฎหมาย อย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษ 3. เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราปราบปราม การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย ยาเสพติดและการกระทำผิดกฎหมายในช่องทางและเส้นทางต่าง ๆ ทั้งบริเวณชายแดนและพื้นที่ตอนใน 4. ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักรในพื้นที่ต่าง ๆเพิ่มความระมัดระวังและติดตามสถานการณ์ความเป็นไปอย่างใกล้ชิด และหากมีเหตุด่วน ให้รายงาน ตร. ผ่านทางกองสารนิเทศ ทันที
"มทภ.2"ระบุสัมพันธ์ทหาร2ฝ่ายยังดี
พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดน ไทย – กัมพูชายังเป็นไปตามปกติ ประชาชนทั้ง 2 ประเทศไปมาหาสู่และทำการค้าขายเหมือนเช่นทุกวัน จุดผ่านแดนทุกจุดยังคงมีประชาชนทั้งชาวไทยและกัมพูชาเดินทางเข้าออกตามปกติ รวมถึงกำลังทหารทั้งทหารไทยและกัมพูชายังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ตนเอง แต่ส่วนของฝ่ายกัมพูชามีการเคลื่อนย้ายสับเปลี่ยนกำลัง โดยเรียกกองกำลังพลรบพิเศษ 911 ของกัมพูชากลับไปประจำยังกรุงพนมเปญ แต่ได้ส่งกำลังทหารอีกส่วนหนึ่งกลับขึ้นมาประจำที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหารเช่นเดิม ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าการสับเปลี่ยนกำลังของทหารกัมพูชาในครั้งนี้ มีการนำเอาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเข้ามาด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่มีรายงานข่าวในเรื่องนี้แต่อย่างใด
รายงานข่าวระบุว่า บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (Cambodia Air Traffic Services Co., Ltd.) หรือ CATS มีบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% ดำเนินธุรกิจด้านศูนย์ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศ ครอบคลุมทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชา ด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งระบบเครือข่ายวิทยุสื่อสารต่างๆ สามารถให้บริการแก่เที่ยวบินเป็นจำนวนมาก และยังสามารถรองรับการขยายระบบในการให้บริการเพิ่มมากขึ้น ทั้งเที่ยวบินพาณิชย์ และเที่ยวบินทางการทหารของกัมพูชา
สำนักงาน CATS ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญ ส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ชาวกัมพูชา มีพนักงานชาวไทยน้อยมาก ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง 3 คน ซุปเปอร์ไวเซอร์ และวิศวกรเทคนิคอีกจำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคือนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ วัย 31 ปี ซึ่งถูกทางการกัมพูชาตั้งข้อหาทำจารกรรม
มีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท ทุกไตรมาส มีเที่ยวบินใช้บริการ 14,000 กว่าไฟล์ท และมีแผนบริการเพิ่มที่สีหนุ แอร์พอร์ท ในปี 2553
นอกจากนั้น กลุ่มสามารถฯยังลงทุนกิจการไฟฟ้าในกัมพูชา คือ บริษัท Kampot Power Plant จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแก่โรงงานกัมปอตซิเมนต์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปูนซีเมนต์คุณภาพสูงในเครือซิเมนต์ไทย ที่กัมพูชา มีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 200 กว่าล้านบาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สามารถฯ บอกว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือในกัมพูชายังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รวมถึงกรณีวิศวกร CATS ถูกจับข้อหาจารกรรม ขณะนี้ ยังดำเนินธุรกิจตามปกติ
มาร์คไม่บุ่มบ่ามแก้ปมเขมร หวั่นเข้าทางแม้ว บ.สามารถฯปัดตารางบินเป็นความลับ วิศวกรไทยถูกจับ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง มาร์คไม่บุ่มบ่ามแก้ปมเขมร หวั่นเข้าทางแม้ว บ.สามารถฯปัดตารางบินเป็นความลับ วิศวกรไทยถูกจับ